ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ครอบครัว “กุสะรัมย์” เคลื่อนศพลูกชายรายที่ 2 เหยื่อความรุนแรงของกลุ่มฮามาส ฌาปนกิจส่งดวงวิญญาณครั้งสุดท้ายที่วัดบ้านเกิด ก่อนวันออกพรรษาเพียง 1 วัน โดยผู้เป็นภรรยาจูงแขน “น้องเมจิ” ลูกสาววัย 4 ขวบ พร้อมถือภาพถ่ายสามี เดินวนรอบเมรุด้วยความอาลัย
บ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) ที่บ้านเลขที่ 34/1 บ้านโคกสูง หมู่ 6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น นายลำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี บิดาของนายอภิชาติ กุสะรัมย์ แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอล และเป็นบุตรชายรายที่ 2 ของนายลำเพยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ พร้อมด้วยญาติพี่น้อง และชาวบ้านโคกสูง ได้ร่วมกันเคลื่อนศพของนายอภิชาติออกจากบ้านไปยังฌาปนสถาน วัดหัวหินประเสริฐธรรม ซึ่งเป็นวัดในหมู่บ้าน เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านนางสาวขวัญชนก ชมชื่น ภรรยาของนายอภิชาติ ถือภาพถ่ายของนายอภิชาติ เดินนำหน้าขบวนไปตามถนนหมู่บ้าน ขณะที่นายลำเพยคอยเดินเคียงข้างรถเคลื่อนหีบศพของลูกชายไม่ห่าง
เมื่อไปถึงฌาปนสถานวัดหัวหินประเสริฐธรรม ชาวบ้านได้เคลื่อนโลงบรรจุหีบศพของนายอภิชาติเดินวนรอบเมรุ 3 รอบ โดยนางสาวขวัญชนก ภรรยาของนายอภิชาติ ได้เดินจูงมือ “น้องเมจิ” วัย 4 ขวบ ลูกสาวของนายอภิชาติและนางสาวขวัญชนก เดินรอบเมรุด้วยความอาลัย ก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยยกหีบศพขึ้นไปบนฌาปนสถาน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนทางศาสนา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และชาวบ้าน ที่เพิ่งร่วมกันเผาศพของนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ และนายพิชิต นาจันทร์ แรงงานไทยที่เป็นลูกหลานของชาวบ้านโคกสูงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงฯ ไปเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมาร่วมกันส่งดวงวิญญาณของนายอภิชาติ ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตเป็นรายที่สามในวันนี้ ก่อนวันออกพรรษาเพียง 1 วัน
จากนั้นเวลา 14.30 น. ได้ร่วมกันวางดอกไม้จันทน์และรดน้ำศพนายอภิชาติเป็นครั้งสุดท้าย โดยทันทีที่นายลำเพยขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์และรดน้ำศพลูกชาย ได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ก่อนจะเดินลงจากเมรุไปนั่งอยู่ภายในศาลาพักศพ ไม่ต่างจากนางสาวขวัญชนก ภรรยา ที่จูงแขนน้องเมจิ ลูกสาววัย 4 ขวบ ขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์ให้กับสามี ก่อนจะอุ้มลูกสาวขึ้นดูร่างของผู้เป็นพ่อที่อยู่ภายในโลงศพเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการจุดชนวนเตาเผาศพส่งดวงวิญญาณให้กับผู้วายชนม์ ซึ่งในช่วงที่เพลิงกำลังลุกไหม้ นางสาวขวัญชนกได้อุ้มลูกสาวและโอบกอด พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความอาลัย
นางสาวขวัญชนก ภรรยาของนายอภิชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จพิธีส่งดวงวิญญาณนายอภิชาติ ว่า ในนามของตัวแทนครอบครัวผู้สูญเสีย ทั้งครอบครัวกุสะรัมย์ และครอบครัวนาจันทร์ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือทางครอบครัวมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุ ทั้งการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร การติดตามร่างของผู้เสียชีวิต การส่งร่างของผู้เสียชีวิตกลับมาที่บ้านเกิด รวมทั้งการให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งทางครอบครัวจะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้ โดยหลังจากนี้ทางครอบครัวก็จะต้องพยายามกลับมาเข้มแข็งให้ได้เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน
โดยเฉพาะน้องเมจิ ลูกสาววัย 4 ขวบ ผู้เป็นดวงใจของตนเอง สามีผู้ล่วงลับ และครอบครัวกุสะรัมย์ หากสามีฟังอยู่ อยากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูก ตนเองจะทำหน้าที่ในการดูแลลูกให้เติบโตมาเป็นคนดีอย่างที่เราทั้งสองคนเคยพูดคุยกันไว้ในช่วงที่สามียังมีชีวิตอยู่ว่าอยากให้ลูกเติบโตมาเป็นคนดี ได้เรียนหนังสือในที่ดีๆ และมีบ้านที่แสนอบอุ่นให้กับลูก
สำหรับนายอภิชาต กุสะรัมย์ อายุ 29 ปี เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของนายลำเพย กุสะรัมย์ ที่เสียชีวิตจากการบุกโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้นายลำเพยต้องสูญเสียลูกชายในเหตุการณ์นี้ไปถึง 2 คน โดยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา หรือเมื่อ 5 วันก่อนหน้านี้ ทางครอบครัวและชาวบ้านได้ร่วมกันทำพิธีฌาปนกิจส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายให้กับนายพงษ์เทพ บุตรชายคนเล็กของนายลำเพย และนายพิชิต นาจันทร์ ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นเครือญาติกัน ก่อนจะฌาปนกิจศพของนายอภิชาติในวันนี้ ซึ่งเป็นการจัดงานก่อนวันออกพรรษาเพียง 1 วัน
ด้านนางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาทายาทและครอบครัวของนายอภิชาต เบื้องต้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. เงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ของกรมการจัดหางานกรณีเสียชีวิต จำนวน 40,000 บาท 2. ค่าตอบแทนจาก National insurance Institute กรณีแรงงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลหรือกับฝ่ายปาเลสไตน์ โดยภรรยาและบุตรของผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือทุกเดือนจนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ หรือบุตรมีอายุครบ 18 ปี
โดยภรรยาได้รับประมาณ 60% ของ 6,000 เชเกล ทุกเดือน (1 เชเกล = 9.04 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วง) หรือประมาณ 32,000 บาท และบุตร ได้รับประมาณ 10-20% ของ 6,000 เชเกล ทุกเดือน ประมาณ 5,400-12,000 บาทต่อเดือน และ 3. เงินบำเหน็จชราภาพ จากสำนักงานประกันสังคม ซึ่งเป็นเงินที่นายอภิชาติ ในฐานะผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่ได้มีการส่งเงินสมทบ ตั้งแต่ 1-179 เดือน จะได้รับเป็นเงินก้อน
เงินส่วนนี้ทางสำนักงานประกันสังคมได้เดินทางมามอบแก่ครอบครัวแล้วเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 28,354.97 บาท ส่วนการช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะการดูแลสภาพจิตใจ
รายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล จากการบุกโจมตีของกลุ่มกองกำลังฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีแรงงานไทย ซึ่งเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เสียชีวิต 4 ราย ประกอบด้วย 1. นายพิชิต นาจันทร์ 2. นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ ชาว อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น โดยทั้งสองรายได้ทำพิธีฌาปนกิจศพส่งดวงวิญญาณไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา 3. นายอภิชาติ กุสะรัมย์ ซึ่งได้นำศพกลับมาถึงบ้านเกิดในวันนี้ และรายที่ 4 คือ นายพิทักษ์ โทแหล่ง อายุ 54 ปี ชาวไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลกว่า 20 ปี และมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศอิสราเอล และเป็นผู้ได้รับ 2 สัญชาติ ซึ่งมีบ้านอยู่ที่บ้านโนนทัน หมู่ที่ 9 ต.ดอนดั่ง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น
ขณะนี้ทางครอบครัวที่อยู่ประเทศไทยได้ทำเรื่องประสานไปยังสถานทูตไทยในประเทศอิสราเอลแล้ว เพื่อขอให้ส่งศพนายพิทักษ์กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีแรงงานไทยที่เป็นชาว อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น อีก 1 คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ซึ่งรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการประสานไปยังประเทศอิสราเอลในการเจรจาให้ปล่อยตัว