อุดรธานี - แม่หนุ่มอุดรฯ แรงงานไทยที่ถูกยิงเสียชีวิตที่อิสราเอลพร้อมเพื่อนบ้านเตรียมป่าช้าทำพิธีเผาศพ โดยจะทำพิธีเผาทันทีที่ศพมาถึงตามความเชื่อคนโบราณ เผยหนี้สินกู้ยืมไปทำงานเมืองนอกลูกชายใช้หนี้หมดแล้ว เหลือแต่หนี้ กยศ.ยังใช้คืนไม่หมดและไม่รู้ว่าต้องใช้หนี้ต่อหรือไม่
ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า สอท. ณ กรุงเทลอาวีฟได้รับประสานเป็นการภายในจากบริษัทจัดการศพของอิสราเอลว่า สถาบันนิติเวชของอิสราเอลอนุญาตให้นำร่างของคนไทยที่เสียชีวิตจำนวน 8 ราย ออกจากสถาบันฯ ซึ่งสถานทูตจะส่งร่างพี่น้องแรงงานไทยชุดแรกดังกล่าวกลับประเทศไทยด้วยสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY083 ออกจากอิสราเอลในวันที่ 19 ต.ค. 66 เวลา 20.00 น. และถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 20 ต.ค. 66 เวลา 08.50 น.
โดยรายชื่อทั้ง 8 ราย ประกอบด้วย นายพงษธร ขุนศรี นายพิชิต นาจันทร์ นายชัยรัตน์ สานุสันต์ นายอานันต์ เพชรแก้ว นายพงษ์พัฒน์ สุชาติ นายอนุชา โสภากุล นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ และนายธนกฤจฒ์ ปรากฏวงษ์ ซึ่งรายชื่อร่างพี่น้องแรงงานไทยชาวอุดรธานีมี 2 ราย คือ นายชัยรัตน์ สานุสันต์ ชาวอำเภอน้ำโสม กับนายอนุชา โสภากุล ชาวอำเภอกุมภวาปี
ความคืบหน้าล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 5 ม.10 บ.เดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ พบว่าชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงต่างพากันช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ส่วนผู้ชายต่างพากันไปเตรียมสถานที่รับศพที่ป่าช้าบ้านเดียมกันอย่างขะมักเขม้น
นางสมพิศ อินทรวิเศษ อายุ 49 ปี แม่นายอนุชา โสภากุล ชาวอำเภอกุมภวาปี บอกว่า เมื่อคืนเที่ยงคืนได้รับแจ้งจากทางการว่าจะมีการส่งศพของลูกชายกลับมาภูมิลำเนา หากศพลูกมาถึงญาติจะทำพิธีเผาศพที่ป่าช้าเลย โดยไม่มีการตั้งศพบำเพ็ญกุศล เนื่องจากเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ ชาวบ้านละแวกนี้เขาถือตามความเชื่อคนโบราณ โดยศพจะมาถึงกี่โมงนั้นยังไม่แน่ชัด ทางรัฐจะมีการแจ้งข่าวมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ตนได้รับการประสานแจ้งกลับมาอีกว่ากรณีผู้เสียชีวิตจะมีการให้เงินเยียวยาแก่ครอบครัวรายละ 40,000 บาท และมีการให้เงินค่าทำศพอีก 40,000 บาท
สำหรับหนี้สินที่ลูกชายกู้ยืม ธ.ก.ส.ไปทำงานที่อิสราเอลนั้นลูกชายใช้หนี้หมดแล้ว แต่ยังมีหนี้จาก กยศ.ซึ่งกู้ยืมขณะเรียนหนังสืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง เรื่องนี้ตนในฐานะแม่ก็รู้สึกกังวลว่าหนี้ที่เหลือส่วนนี้จะดำเนินการอย่างไร ฝากถึง กยศ.ช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย ตนในฐานะแม่ก็ยังรู้สึกกังวล เพราะแม่เป็นผู้เซ็นค้ำประกันให้
นางสมพิศเล่าว่า หลังรู้ข่าวว่าลูกเสียชีวิต ตอนแรกก็เสียใจมาก รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่หากกลับมาบ้านเห็นเสื้อผ้าหรือภาพเก่าๆ ก็ยังอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เห็นลูกเพื่อนบ้านที่ไปอิสราเอลเขากลับมาบ้านก็เศร้า อดคิดถึงลูกตัวเองไม่ได้ ทำไมไม่ได้กลับมาเหมือนลูกเขา สำหรับตนมีลูก 3 คน คนที่เสียชีวิตเป็นคนโต อีก 2 คนอยู่ ประเทศไต้หวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับยอด แรงงานไทยในอิสราเอลที่เสียชีวิตของจังหวัดอุดรธานี จากข้อมูลของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลจังหวัดอุดรธานีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 9 ราย
