บุรีรัมย์ - แม่หนุ่มแรงงานชาวลำปลายมาศที่โดนระเบิดเสียชีวิตจากเหตุสู้รบอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เมื่อ 2 ปีก่อนหลังทำงานได้แค่ 3 วัน เผยย้อนเวลากลับได้จะไม่ให้ลูกไปทำงานต่างแดน เห็นข่าวแรงงานถูกระเบิดตายถึงกับน้ำตาไหลนึกถึงลูกตัวเอง และเข้าใจหัวอกครอบครัวที่สูญเสีย ส่วนเงินที่รัฐและอิสราเอลช่วยเหลือเดือนละ 7-8 หมื่นชะงักไป 9 เดือน เพราะขาดการติดต่อ แต่ทำเรื่องแจ้งแล้ว
กรณีแรงงานไทยเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกันจากเหตการณ์สู้รบกันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจำนวนหลายสิบชีวิตสร้างความเศร้าเสียใจให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสียนั้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ หรือลิป หนุ่มแรงงานชาวตำบลหินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกระเบิดเสียชีวิตจากเหตุสู้รบกันระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
นางขวัญใจ สงำรัมย์ อายุ 48 ปี แม่ของนายสิขรินทร์ หรือลิป ก็ได้นำรูปถ่ายหน้าศพของลูกชายออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าว่า แม้เวลาผ่านไป 2 ปีแล้วแต่หัวอกคนเป็นแม่ยังคงคิดถึงลูกชายตลอดเวลา และสิ่งที่สร้างความสะเทือนใจอีกครั้ง คือเหตุการณ์ภัยสงครามที่พรากชีวิตลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับก็กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีก ทำให้พี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลต้องเสียชีวิตหลายสิบราย บาดเจ็บหลายราย และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม ทุกครั้งที่เห็นข่าวเหตุการณ์สู้รบและเห็นภาพของการสูญเสียก็ถึงกับน้ำตาไหล
“ฉันอดนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายไม่ได้ เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคน ฉันเคยเจอมาก่อน มันยากที่จะทำใจได้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวแรงงานไทยทุกคนทั้งที่เสียชีวิต บาดเจ็บ และที่ยังไม่ทราบชะตากรรมด้วย ก็ขอให้ทุกครอบครัวสู้ๆ เพราะทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้” นางขวัญใจบอกืและเล่าอีกว่า
ส่วนเงินเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ทางการไทยให้ความช่วยเหลือ รวมถึงเงินจากกองทุนผู้ประสบภัยสงครามของทางฝั่งประเทศอิสราเอล หลังจากลูกชายเสียชีวิตก็มีหน่วยงานติดต่อประสานให้ และได้รับการช่วยเหลือมาตลอด โดยได้รับเฉลี่ยเดือนละ 70,000-80,000 บาท ในจำนวนนี้เป็นส่วนของภรรยาลูกชาย 35,000 บาท ของแม่เอง 20,000 บาท และของหลานอีก 2 คน คนละ 10,000 บาท โดยเขาจะโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือน
แต่เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ไม่เห็นมีเงินโอนเข้าบัญชี จนถึงปัจจุบันคือเดือน ต.ค. 2566 รวม 9 เดือน ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไร จึงได้ติดต่อประสานไปทางกระทรวงแรงงาน จึงทราบว่าทางอิสราเอลได้ส่งเอกสารมาให้ทางครอบครัวให้ทำเรื่องแจ้งกลับไป เพราะต้องยื่นเรื่องปีละครั้ง แต่ล่าสุดได้ยื่นเรื่องไปแล้วก็รอฟังคำตอบเดือนนี้ว่าจะได้รับโอนเงินปกติหรือไม่อย่างไร ก็อยากฝากให้ทางกระทรวงแรงงานติดตามให้ด้วย
ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว หากครอบครัวไม่มีหนี้สินก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่ตอนนี้ยังมีหนี้สินที่ลูกชายนำที่ดินไปจำนองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานอิสราเอล แต่ทำงานได้แค่ 3 วันก็ถูกระเบิดเสียชีวิต ยังไม่ทันได้รับค่าแรงแม้แต่บาทเดียว ตอนนี้ก็เหลือหนี้อยู่ประมาณ 7-8 หมื่นบาท ก็เอาเงินที่ได้รับการช่วยเหลือทยอยใช้หนี้ทุกเดือน บางส่วนไว้กินอยู่ และส่งหลาน 2 คน อายุ 4 ขวบ และ 6 ขวบเรียน
นางขวัญใจยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ก็คงไม่ให้ลูกชายไปทำงานที่อิสราเอล ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงลูกทุกวัน