xs
xsm
sm
md
lg

ตามรวบแล้ว! พระฉาวบังคับฉันบวบเณร 14 ปีคาที่พักสงฆ์ป่าห้วยคตถึง 40 ครั้ง ก่อนหนีกบดานขอนแก่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทัยธานี - ยังหน้าระรื่นสารภาพกระทำชำเราจริง บอกบวชมา 7-8 ปี อยู่วัดละปี เพิ่งพลาดปีนี้เพราะเจอเณรดื้อ..ตร.แกะรอยตามรวบ-จับสึกแล้ว พระฉาวขู่บังคับฉันบวบเณรวัย 14 ปีคากุฏิที่พักสงฆ์ในป่าห้วยคต พอเรื่องแดง-โดนแจ้งความ เผ่นกบดานขอนแก่น


วันนี้ (14 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ติดตามคดีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ขู่บังคับกระทำชำเราสามเณร อายุ 14 ปี กว่า 40 ครั้ง ก่อนทางครอบครัวสามเณรจะทราบเรื่องและเข้าแจ้งความดำเนินคดีเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา และต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยคต พร้อมด้วยชุดสืบสวน ภ.จว.อุทัยธานี ได้สนธิกำลังนำหมายจับ ที่ 642/2566 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2566 บุกเข้าจับกุมคาสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต

แต่ปรากฏว่าพระรูปดังกล่าวได้หลบหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปแล้ว ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนแกะรอยติดตามตัวจนทราบว่าพระสงฆ์รายนี้ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น จึงได้ร่วมกับนายอำเภอสีชมพูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีชมพู เข้าจับกุมตัวได้สำเร็จเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปทำพิธีสึก ก่อนนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ห้วยคตแล้ว ซึ่งนายวิไล หรืออดีตพระฤทธิไกร อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ ได้ให้การรับสารภาพด้วยท่าทีที่เรียบเฉยปกติ พูดคุยหัวเราะด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด

โดยอ้างว่าได้ลงมือกระทำชำเราสามเณร ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึงวันที่ 27 กันยายน 2566 จริง แต่ตัวเณรยินยอมและรู้เห็นด้วย พร้อมอ้างว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะว่าเห็นเณรกำลังช่วยตัวเองอยู่ จึงได้ลงมือกระทำดังกล่าวกับเณรไป

นายวิไลยังได้กล่าวต่อว่า บวชเป็นพระมา 7-8 ปี ก็อาศัยอยู่ตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ปีละพรรษาไปเรื่อยๆ แต่มาพลาดเอาปีนี้เพราะว่าเจอเณรดื้อ

ส่วนสาเหตุที่หนีไปนั้น นายวิไลบอกว่าเพราะมีแม่ของเณรอีกรูปหนึ่งได้โทรศัพท์มาบอกให้หนี ตนก็เลยหนี ซึ่งก็ได้กระทำไปแล้วก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และเป็นคดีร้ายแรง ถอนแจ้งความหรือยอมความกันหรือไม่ก็ต้องเป็นไปตามคดี


ด้าน พ.ต.อ.บุญเชิด จันทร์มณี ผกก.สภ.ห้วยคต เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ พระฤทธิไกร หรือ วิไล อายุ 53 ปี ชาว ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสรวรรค์ กระทำชำเรา-อนาจาร สามเณร อายุ 14 ปี ที่อยู่วัดเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึงวันที่ 27 กันยายน 2566 รวมกว่า 40 ครั้ง ก่อนหลบหนีไปจากพื้นที่เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้ในพื้นที่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.ห้วยคต โดยเบื้องต้นทางผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวว่า

ส่วนข้อหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.642/2566 ลงวันที่ 3 ต.ค. 2566 ผู้ต้องหาซึ่งกระทำผิดฐาน พาเด็กที่อายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร, กระทำอนาจารเด็กอายุ 15 ปี โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้, พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร โดยกระทำเพื่ออนาจาร


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่พักสงฆ์คลองเคียน ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์ที่อยู่ในป่าชุมชนชาวกระเหรี่ยง สอบถามพระอาจารย์สายันต์ ขันติสัมปัญโน หัวหน้าที่พักสงฆ์ เปิดเผยว่า มีพระที่รู้จักกันพาอดีตพระฤทธิไกร มาฝากอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้มาประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าพฤติกรรมส่วนตัวว่าเป็นอย่างไร

ก่อนที่จะมีเรื่องฉาวนั้น อดีตพระฤทธิไกร และเณรนั้นอาศัยอยู่กุฏิเดียวกัน โดยเณรนั้นมาบวชได้ไม่ถึงพรรษา แต่หลังจากที่เกิดเรื่องก็ได้สึกไปแล้ว ซึ่งไม่รู้เลยว่าอดีตพระฤทธิไกรนั้นทำอะไรเณร เพราะที่พักสงฆ์แห่งนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ พอมืดพระสงฆ์ก็นอนกันเร็ว ตื่นเช้ามาก็ออกบิณฑบาตตามปกติ มารู้อีกทีก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตไปแล้ว ซึ่งก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นในที่พักสงฆ์แห่งนี้อีก รู้สึกดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอดีตพระฤทธิไกรมาดำเนินคดีได้ เพราะทำให้เสื่อมเสียพุทธศาสนา และวงการพระสงฆ์ในจังหวัดอุทัยธานี เป็นอย่างมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น