นายกสภาทนายความ ช่วยเหลือสาวหน้าตาดี ถูกนักร้องหนุ่มวงอินดี้ กระทำอนาจาร ระบุ คดียอมความไม่ได้ แต่อาจเจรจาให้เยียวยาค่าเสียหาย
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (12 ต.ค.) นายวิเชียร ชุปไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงเหตุการณ์หญิงสาวหน้าตาดี(นักร้องสาว) ถูกนักร้องหนุ่มศิลปินวงอินดี้ชื่อดัง กระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ว่า เรื่องนี้สภาทนายความฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งเราตั้งใจแถลงข่าวในวันนี้ แต่ปรากฏว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกไปให้ข้อเท็จจริง และผู้เสียหายประสงค์จะยังไม่แถลงข่าว ดังนั้น เราจะให้ทนายความอาสาสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีล่วงละเมิดทางเพศ หรือ อนาจาร กฎหมายอาญาเปิดช่องให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกันหรือไม่
นายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองเลขาธิการสภาทนายความ เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลักกฎหมายนี้ได้มีการปรับแก้กฎหมายจากเดิม เรื่องเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ถ้าไม่เกี่ยวกับผู้เยาว์ นั้นเป็นความผิดอาญาที่สามารถยอมความกันได้ ซึ่งเราใช้กฎหมายนี้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 แต่ทางชมรม หรือสภาสตรีฯ ได้รณรงค์มาโดยตลอดว่าควรจะยกเลิกกฎหมายนี้ เพราะจะต้องดำเนินคดีภายใน 3 เดือน เพื่อไม่ให้ขาดอายุความ จนกระทั่งมีการแก้ไขกฎหมายในปี พ.ศ. 2560 ให้เป็นคดีความอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้ ถ้ามีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว แม้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ ซึ่งสามารถถอนแจ้งความได้ แต่ก็ไม่ตัดสิทธิพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการในการดำเนินคดีนี้ต่อไป ส่วนเรื่องการเจรจาเป็นเรื่องของการเยียวยาความเสียหาย ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกันกับ คดีขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย เช่น เมาแล้วขับ แล้วมีการเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ศาลก็จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยา เพราะถือว่าผู้เสียหายได้รับการเยียวยาแล้ว ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจความในคดีอาญา แต่คดียอมความไม่ได้ ศาลก็จะปรับบทลงโทษ
รองเลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าวว่า คดีนี้ก็เช่นเดียวกัน ยอมความไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องการเจรจาเยียวยานั้น ก็แล้วแต่ทางผู้เสียหาย ส่วนการลงโทษนั้นต้องดูพฤติกรรม ยกตัวอย่าง กรณีรองหัวหน้าพรรคการเมืองกระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ที่ศาลพิพากษาไปแล้ว 3 คดี จำคุก 3 ปี หรือ 4 ปี และไม่รอการลงโทษ ยังมีอีก 5-6 คดีที่รอการตัดสิน ซึ่งแต่ละคดีนั้นค่อนข้างจะลงโทษรุนแรง แต่กระบวนการพิจารณาคดีถ้าจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ศาลเองก็ปรับบริบทในการตัดสิน ถ้าหากศาลเห็นว่าเป็นการล่วงละเมิดที่ใช้ลักษณะของความด้อยสติปัญญา หรือด้อยโอกาสของผู้เสียหาย ศาลก็จะลงโทษค่อนข้างรุนแรง อีกกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว สามีล่วงละเมิดทางเพศภรรยาแล้วยังล่อลวงพาไปให้เพื่อนข่มขืนด้วยนั้น คิดว่า เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล ศาลก็จะลงโทษรุนแรง ถ้าเข้าข่ายลักษณะรุมโทรมหญิง โทษก็จะหนักขึ้นไปอีก