สมุทรสงคราม - ผู้ประกอบการโรงแรมใน จ.สมุทรสงคราม โอด อบจ.เรียกเก็บภาษีค่าที่พักเต็มอัตรา 2% เป็นภาระผู้ใช้บริการ อาจเลือกใช้ที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตเนื่องจากเลี่ยงภาษีนี้ได้
นายสัมพันธ์ พงษ์พรรณากูล นายกสมาคมท่องเที่ยวสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการโรงแรมใน จ.สมุทรสงครามที่ได้รับใบอนุญาตประมาณ 100 แห่ง ว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสงคราม มีการเรียกเก็บภาษี 2% จากผู้ที่มาพัก ซึ่ง 2% นี้เป็นอัตราสูงสุดที่มากกว่าจังหวัดใหญ่ที่มีการท่องเที่ยวคึกคัก และโรงแรมขนาดใหญ่กว่า เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ทั้งที่ จ.สมุทรสงคราม มีขนาดเล็กกว่าแต่กลับมีการจัดเก็บภาษีในอัตราสูงสุดทำให้เป็นภาระผู้ใช้บริการหรือนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังมีการจัดเก็บเฉพาะโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนที่ไม่ได้รับใบอนุญาตสามารถหลบเลี่ยงได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรม
นายสัมพันธ์ กล่าวว่า จ.สมุทรสงคราม มีที่พักโรงแรม รีสอร์ต และโฮมสเตย์ที่ได้รับการสำรวจประมาณ 300 กว่าแห่ง แต่มีโรงแรมประมาณ 100 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาต กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่มีใบอนุญาตจึงเห็นว่าการที่ อบจ.สมุทรสงครามเรียกเก็บภาษีค่าที่พักเต็ม 2% นอกจากจะเป็นภาระของผู้ใช้บริการที่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้ว ยังอาจมีผลกระทบต่อโรงแรมด้วย
เนื่องจากผู้ใช้บริการอาจเลือกไปใช้ที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตแทนเพราะไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าว จึงจะมีการประชุมกันในวันที่ 18 ตุลาคม 2566 นี้ เวลา 13.30 น.ที่โรงแรมกนกรัตน์รีสอร์ท ต.บ้านปรก อ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อหารือเรื่องการขอผ่อนผันหรือลดอัตราภาษีค่าที่พักดังกล่าว ยื่นต่อ น.ส.กาญจน์สุดา ปานะสุทธะ นายก อบจ.สมุทรสงคราม เพื่อพิจารณา เนื่องจากบรรยากาศโรงแรมเพิ่งจะเริ่มกลับมาคึกคักหลังจากประสบกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มายาวนานเกือบ 3 ปี
นอกจากนี้ นายสัมพันธ์ ยังกล่าวว่าในวันที่ 18 ตุลาคม นอกจากจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎกระทรวงฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรีสอร์ต
เนื่องจากมีการกำหนดจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นจาก 4 ห้อง รองรับให้ผู้พักรวมกันได้ไม่เกิน 20 คน เพิ่มเป็นมีห้องพักรวมกันไม่เกิน 8 ห้อง และรองรับผู้พักรวมกันได้ไม่เกิน 30 คน และจากเดิมไม่ต้องได้รับการตรวจสอบเพื่อต่อใบอนญาต แต่ในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้สถานประกอบการที่เข้าข่ายรีสอร์ตจะต้องได้รับการตรวจสอบและต่อใบอนุญาตทุกๆ 5 ปี ซึ่งในวันดังกล่าวผู้ประกอบการรีสอร์ตจะมีโอกาสถามตอบข้อสงสัยกับผู้ที่มีความรู้กฎหมายฉบับนี้อีกด้วย
