กาฬสินธุ์ - ชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาลักลอบตัดไม้พะยูงจังหวัดกาฬสินธุ์เรียกสอบบุคคล พบหลักฐานนำนายทุนเข้าเจาะไม้ก่อนประมูล ชี้เป็นคนของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ขณะที่ชาวบ้าน ครูพอใจการทำงานแก้ปัญหาตัดไม้พะยูง มุ่งหาคนทำผิดมาลงโทษ
ความคืบหน้าคดีตัดไม้พะยูงในโรงเรียนบ้านโนนศิลาสว่างวิทย์ ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เข้าควบคุมคดี โดยตั้งทีมเฉพาะกิจ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าติดตามเกะรอยคนร้ายตามกล้องวงจรปิด ถือเป็นเหตุอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งได้กำชับให้ตำรวจ 23 สถานีประสานกับทางอำเภอ จัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์, นายอดิสร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุตัดไม้พะยูงในโรงเรียนขาย
ที่โรงเรียนหนองโนวิทยา ต.หัวหิน และโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 ซึ่งตรวจสอบเอกสาร และสอบปากคำผู้บริหารโรงเรียน และชาวบ้าน ในประเด็นก่อนและหลังการขออนุญาต การเปรียบเทียบราคาจากการประเมินปริมาตรไม้ที่ขายไป โดยมีตอไม้พะยูง ภาพถ่ายก่อนตัด และใบเสร็จรับเงินขายไม้เป็นหลักฐาน
การตรวจสอบ พบหลักฐานยืนยันตัวบุคคล เป็นผู้ประสานงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ มีภาพถ่ายประกอบ ทั้งการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษา การเข้าตรวจวัดปริมาตรไม้พะยูง การประเมินราคาขาย ลงชื่อรับรองเอกสาร ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ระบุว่าเป็นคนของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ชื่อ “สันติ”
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบความเหมาะสมในการตัดยังพบพิรุธทุกขั้นตอนก่อนถูกตัดขาย บางต้นเหมือนสร้างสถานการณ์ โดยไปสร้างห้องน้ำอยู่ใต้ร่มไม้พะยูง ก่อนตัดไม้พะยูง ขณะที่ไม้ประเภทอื่น เช่น สะเดา ประดู่ ซึ่งมีความเสี่ยงจะล้มทับสิ่งปลูกสร้างกลับไม่ตัด โดยเฉพาะในส่วนของราคาซื้อขายที่ต่ำกว่าราคากลางหรือราคาประเมินตามมาตรฐานป่าไม้ประมาณ “30-50 เท่าตัว”
นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาลักลอบตัดไม้พะยูง กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนประมูลขาย โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ตรวจสอบขั้นตอนว่าปฏิบัติถูกต้อง สมเหตุผลหรือไม่ ทั้งมาให้กำลังใจฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ตลอดทั้งให้กำลังใจคณะครู นักเรียน ในโอกาสเดียวกัน
เบื้องต้นพบว่าการประมูลไม้พะยูงขาย ถือว่าทำผิดกฎหมายทุกขั้นตอน ผิดข้อสั่งการของจังหวัดรวมถึงข้อสั่งการตามหนังสือของกรมธนารักษ์ เลขที่ กค 0305/ว20 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 จึงได้สั่งการให้นายอำเภอห้วยเม็กสอบสวนรายงานระบุตัวบุคคล ซึ่งพยานระบุว่าชื่อ “สันติ” เป็นเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ รวมถึงนายไสว สะอาด ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และ ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ให้มาอธิบายถึงเหตุผลการประมูลไม้ขายทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้
ด้านนายอดิสร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การประเมินราคาไม้ในโรงเรียนหนองโนวิทยาคม ที่ซื้อขาย 9 ต้นราคา 104,000 บาท แต่จากการประเมินวันนี้พบว่าการซื้อขายในท้องถิ่นจะได้ราคาประมาณ 600,000 บาท ขณะที่ประเมินตามราคามาตรฐานกรมป่าไม้ 1,512,750 บาท ส่วนไม้พะยูงโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ 3 ต้น ซึ่งมีขนาดลำต้นสูงใหญ่ จากหลักฐานซื้อขายเพียง 30,000 บาท แต่จากการประเมินวันนี้ หากซื้อขายกันในท้องถิ่นจะได้ราคาประมาณ 800,000 บาท หรือราคามาตรฐานกรมป่าไม้สูงถึง 2,232,000 บาท ซึ่งราคาแตกต่างมาก
การลงตรวจสอบโดยชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงครั้งนี้ยังได้ทำความเข้าใจคำสั่งห้ามตัดไม้หวงห้ามของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และนำหนังสือกรมธนารักษ์ เลขที่ กค 0305/ว20 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ข้อห้ามการตัดไม้พะยูงและไม้หวงห้ามอื่น พบว่าสิ่งที่โรงเรียนปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้เป็นการละเมิดและผิดกฎหมาย หลายคนยืนยันว่าถูกหลอกให้ตัดไม้พะยูงขาย และยืนยันว่าคนที่เข้ามาแนะนำคือ ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และคนของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ชื่อ “สันติ” และพร้อมที่จะมาชี้ตัวว่าใครบ้างเป็นคนพาขายไม้
ด้านฝ่ายความมั่นคงยังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่ายังมีเหตุลักลอบตัดและขายไม้พะยูงในโรงเรียนอีกหลายแห่ง ซึ่งจากคำสั่งการของนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และมอบหมายนายธวัชชัย รอดงาม ผวจ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามกรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ครู ชาวบ้าน นักเรียน อุ่นใจว่าภาครัฐจริงใจแก้ปัญหาเพื่อกระชากหน้ากากคนของรัฐที่ใช้ช่องว่างกฎหมายขายทรัพย์หลวงมาลงโทษ