ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ทีมสัตวแพทย์เร่งช่วยเหลือลูกช้างป่าทับลานนอนป่วยกลางไร่มันสำปะหลังที่ อ.ครบุรี โคราช เผยให้วิตามิน ยาบำรุง น้ำเกลือ หวังช้างฟื้นตัวโดยเร็ว หลังพบช้างผอมและอิดโรยอย่างมากแต่ไม่พบบาดแผล พร้อมเจาะเลือดส่งตรวจหาสาเหตุอาการป่วยที่ชัดเจน
วันนี้ (31 ส.ค.) สัตวแพทย์หญิง พรรณราย ว่องวัฒนกิจ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 นครราชสีมา นำทีมสัตวแพทย์ พร้อมปศุสัตว์อำเภอครบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าให้การรักษาช้างป่าเพศผู้ อายุเกือบ 2 ปี น้ำหนักประมาณ 700-800 กิโลกรัม หลังจากที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบช้างป่วยมีอาการดิ้นทุรนทุรายอยู่ภายในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านท้ายหมู่บ้านซับสะเดา หมู่ที่ 11 ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ โดยรอบบริเวณพบว่ามีร่องรอยการเดินเหยียบย่ำและกัดกินหัวมันสำปะหลังกระจัดกระจาย
เบื้องต้นทางทีมสัตวแพทย์ได้ทำการให้ยาวิตามินประเภทต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินบี และน้ำเกลือ เพื่อให้ช้างมีแรงมากขึ้น เพราะสภาพของช้างนั้นค่อนข้างผอมและอิดโรยอย่างมาก พร้อมกับเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำส่งไปตรวจหาเชื้อโรคเพื่ออาจจะระบุที่มาของอาการป่วยในครั้งนี้ได้ แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าการที่ช้างตัวนี้ล้มป่วยเกิดจากสาเหตุ หรือเป็นโรคอะไร ก่อนที่จะช่วยกันพยุงตัวช้างเพื่อเปลี่ยนท่าให้ลุกนั่งขึ้น เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยช้างนอนอยู่ท่านี้ต่อไปอาจส่งผลให้เกิดอาการแผลกดทับได้ และจากการตรวจสอบร่างกายโดยละเอียดก็ยังไม่พบว่ามีบาดแผลที่จะส่งผลทำให้ช้างตัวนี้ล้มลงได้แต่อย่างใด
ทางด้านสัตวแพทย์หญิง พรรณราย ว่องวัฒนกิจ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 นครราชสีมา ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้ช้างตัวนี้มาล้มอยู่ในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน แต่เบื้องต้นพบว่ามีอาการอิดโรยอย่างมาก และจากการสอบประวัติพบว่าช้างตัวนี้หลงฝูงออกมาหากินตัวเดียว ก่อนที่จะล้มป่วยลงดังกล่าว ตอนนี้ได้ทำการให้วิตามินบี น้ำเกลือ และยาบำรุงเลือด เพื่อให้ช้างตัวนี้ฟื้นตัวจากอาการอิดโรยให้เร็วที่สุด ก่อนจะเจาะเลือดและส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างจังหวัดสุรินทร์ เพื่อหาสาเหตุของอาการป่วยในครั้งนี้ที่ชัดเจนต่อไป และหลังจากนี้จะเฝ้าดูอาการและสร้างจุดพักฟื้นให้ช้างตัวดังกล่าวอยู่ที่บริเวณจุดนี้ไปก่อน จนกว่าจะทำการรักษาช้างให้หายดีและดำเนินการผลักดันกลับสู่ป่าต่อไป