เชียงราย - กระแสตีกลับ “ร้านปังชาเชียงราย” ปังทันที หลังถูกยื่นโนติส-เรียกค่าเสียหายจากการละเมิดถึง 102 ล้าน ลูกค้าแห่เข้าใช้บริการตรึม ยันยังไม่มีคนติดต่อขอโทษตามข่าว
กรณีร้านปังชา น้ำชาเชียงราย ริมถนนพหลโยธินสายใน เทศบาลนครเชียงราย ถูกยื่นโนติสให้เลิกใช้คำว่า "ปังชา" เพราะมีการจดทะเบียนชื่อทางการเอาไว้แล้ว พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 102 ล้านบาทนั้น ล่าสุด “ร้านปังชา น้ำชาเชียงราย” ยังคงเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป
โดยนายวีระชาติ ไอยรากาญจนาศักดิ์ หนุ่มเชียงรายวัย 36 ปี เจ้าของร้านฯ ได้นำพนักงานของร้านออกมาให้บริการทั้งชา กาแฟ นม น้ำผลไม้ ในรูปแบบต่างๆ ที่มีราคาย่อมเยา รวมทั้งขนมปัง ติ่มซำ ฯลฯ เช่นเดิม พร้อมกันนั้นยังได้โพสต์ผ่านเพจของร้านข้อความขอบคุณลูกค้าที่ยังคงมาใช้บริการกันอย่างคึกคักว่า "ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มาให้กำลังใจพวกเรานะครับ ฮีลใจเราได้เป็นอย่างดีเลย และขอให้ทุกท่านมีความสุขเช่นกันครับ"
ขณะที่การยื่นโนติสเรียกค่าเสียหายดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมกันอย่างกว้างขวาง จนทำให้มีการออกมาขอโทษผ่านรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ทางช่อง 3 ซึ่งมี “หนุ่ม กรรชัย” เป็นพิธีกร โดยเจ้าของร้านที่จดทะเบียนทางการค้าดังกล่าวแจ้งว่า..หลังเกิดเหตุก็ค่อนข้างเครียดและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร
นายวีระชาติกล่าวว่า กรณีที่จะมีการขอโทษนั้นตนไม่ขัดข้องใดๆ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา มีเพียงการออกมาเปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์บางรายการเท่านั้น และได้มีบางรายการที่ประสานเชิญให้ตนไปร่วมรายการ ซึ่งตนยังไม่ตอบตกลง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กลัวว่าจะพูดผิดหรือให้ข้อมูลผิดจนเกิดผลเสียได้ แต่ถ้าจะไปร่วมออกรายการจริงก็ขอให้ร้านอื่นๆ ที่เขาได้รับหนังสือแจ้งเรียกค่าเสียหายเหมือนกัน เช่น ร้านที่ จ.สงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ ไปร่วมด้วยเพื่อให้ได้ข้อยุติ
นายวีระชาติกล่าวว่า หลังเรื่องนี้เป็นกระแส ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการอย่างคับคั่ง อย่างคืนวันที่ 30 ส.ค.มีลูกค้าเต็มร้านทำให้ตนมีกำลังใจขึ้นมาก และยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะละเมิดลิขสิทธิ์ การออกแบบตัวหนังสือหรือฟอนต์และโลโก้ชื่อร้านก็ไม่เหมือนของเขา
ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงในกรมทรัพย์สินทางปัญญายังระบุผ่านสื่อมวลชนด้วยว่าสามารถใช้ชื่อแบบนี้ได้ด้วย ตนจึงอยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาเพราะหากเกิดกรณีมีผู้ไปจดทะเบียนแล้วนำไปเรียกค่าลิขสิทธิ์จากเอกชนท้องถิ่นรายอื่นๆ ก็จะเดือดร้อนเหมือนตน และมีข้อสงสัยว่าจะมีมาตรการใดช่วยคุ้มครองพวกเราได้หรือไม่ด้วย