เชียงใหม่ - หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่เตรียมแจ้งความดำเนินคดีนายหน้าแรงงานต่างด้าวปลอมแปลงเอกสารราชการ หลังนำหลักฐานทะเบียนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว 18 รายยื่นขอทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัว แต่ จนท.เจอความผิดปกติหลายจุด ตรวจสอบพบเป็นเอกสารที่ทำการแก้ไขข้อมูลที่อยู่อาศัยและจัดทำเองแล้วลักไก่นำมาใช้ ก่อนไปยื่นเรื่องดำเนินการต่อสำนักงานจัดหางานให้ถูกต้องภายหลัง
วันนี้ (21 ก.ค. 66) ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ (สาขาย่อย) ฝ่ายคุ้มครองคนหางานและการทำงานคนต่างด้าว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ นำเอกสารหลักฐานทะเบียนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ของแรงงานต่างด้าว จำนวน 18 ราย เข้าพบนายเอกลักษณ์ อุ่นภักดิ์ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบว่าทะเบียนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นเอกสารที่ถูกต้องและดำเนินการออกให้โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากเบื้องต้นพบความผิดปกติเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว
โดยสืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (20 ก.ค. 66) มีนายหน้าพาแรงงานต่างด้าวที่มีนายจ้างคนเดียวกัน จำนวน 18 คน พร้อมเอกสารทะเบียนใบอนุญาตดังกล่าวไปยื่นที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวให้แก่คนต่างด้าว (บัตรสีชมพู) โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลพบว่ามีการระบุที่อยู่อาศัยเป็นที่แห่งหนึ่ง ขณะที่ในเอกสารที่นำมายื่นกลับมีการระบุที่อยู่อาศัยเป็นอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าในเอกสารที่นำมายื่นมีข้อมูลรายละเอียดที่ขัดแย้งความเป็นจริง เนื่องจากระบุวันที่บันทึก/แก้ไขข้อมูลเป็นวันที่ 20 ก.ค. 66 แต่ระบุวันที่ที่ทำการพิมพ์เอกสารเป็นวันเวลาก่อนหน้านี้หลายเดือน จึงสันนิษฐานว่าอาจจะมีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
ด้านนายเอกลักษณ์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันทีที่ได้รับหนังสือและรับทราบกรณีดังกล่าวจากนายบุญญฤทธิ์ โดยเบื้องต้นพบว่าเอกสารหลักฐานทะเบียนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ของแรงงานต่างด้าว ทั้ง 18 ราย ที่นายหน้านำไปยื่นที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่นั้น ไม่ได้เป็นเอกสารที่ออกให้โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ โดยพบว่ามีลักษณะเป็นการปลอมแปลงด้วยการแก้ไขในส่วนของข้อมูลที่อยู่อาศัย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายหน้ามีการมายื่นเรื่องดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าวทั้ง 18 คนจริง แต่เป็นในช่วงเวลาภายหลังจากที่ได้ยื่นเอกสารที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากนายหน้าได้พาแรงงานต่างด้าวจำนวน 18 คนที่มีนายจ้างคนเดียวกัน ยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อขอดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวให้แก่คนต่างด้าว แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติในส่วนของข้อมูลที่อยู่อาศัยที่ไม่ตรงกับข้อมูลในระบบ รวมทั้งในเอกสารมีการระบุวันที่บันทึก/แก้ไขข้อมูลเป็นวันที่ 20 ก.ค. 66 แต่ระบุวันที่ที่ทำการพิมพ์เอกสารเป็นวันเวลาก่อนหน้านี้หลายเดือน ส่วนนายหน้าอ้างว่าได้ดำเนินการทำเรื่องแก้ไขข้อมูลกับทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายหน้ามีการทำเรื่องแก้ไขข้อมูลที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าวจริงกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ แต่เป็นภายหลังจากที่ได้นำเอกสารไปยื่นต่อศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นเอกสารดังกล่าวที่นายหน้ายื่นให้เพื่อขอดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวให้แก่คนต่างด้าวนั้นจึงน่าจะเป็นเอกสารที่ทางนายหน้าจัดทำขึ้นเองด้วยการแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ซึ่งเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ โดยจากนี้ตัวเองในฐานะเจ้าพนักงานเตรียมนำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ดเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีนี้ในฐานความผิดปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานต่อไป