เชียงใหม่ - “ปลัดจอมแฉ” เข้าพบนายอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ยื่นหนังสือแจ้งให้ทราบและจี้เอาผิดกรณีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำปลอมแปลงใบ ทร.14/1 และบัตรประจำตัวประชาชนใส่ข้อมูลในเอกสารว่าออกจากสำนักทะเบียนอำเภอดอยสะเก็ด หลอกตุ๋นเหยื่อกลุ่มบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนเสียหายกว่า 20 ราย สูญเงินรวมกันแล้วกว่า 500,000 บาท เตือนคนอยากได้สัญชาติไทยอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ย้ำชัดไม่มีช่องทางลัด
กรณีที่มิจฉาชีพแอบอ้างชื่อนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อ้างว่าสามารถช่วยเหลือในการดำเนินการลัดขั้นตอนช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนเป็นคนไทยได้ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการรายละ 50,000 บาท ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก
วานนี้ (10 ก.ค.) นายจงฤทธิชัย ฉิ่งร่ำ อายุ 56 ปี ศิษยาภิบาลคริสตจักรดงป่าก่อ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ตัวแทนของผู้เสียหายจำนวน 23 คน ที่โอนเงินไปแล้วรวมกว่า 500,000 บาท ได้เข้าพบนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร (ทร.14/1) และบัตรประจำตัวประชาชนที่มิจฉาชีพจัดทำให้ ซึ่งพบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และจากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด
ขณะที่วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบนายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อยื่นหนังสือแจ้งเรื่องการปลอมแปลงเอกสารทางราชการกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว และขอให้พิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากเอกสารทางราชการที่ปลอมแปลงดังกล่าวมีการระบุว่าออกที่สำนักทะเบียนอำเภอดอยสะเก็ด อีกทั้งผู้ทำการปลอมแปลงเคยนัดพบกับผู้เสียหายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อนำเอกสาร ทร.14/1 และบัตรประจำตัวประชาชนที่ปลอมแปลงมาแสดงให้ดู แต่ได้นำกลับคืนไป
นายบุญญฤทธิ์เปิดเผยว่า เข้าพบนายอำเภอดอยสะเก็ดเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ทางราชการ และพิจารณาดำเนินการต่อไปตามอำนาจหน้าที่ในฐานะนายทะเบียนอำเภอดอยสะเก็ด ส่วนกรณีปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถูกแอบอ้างชื่อนั้น เป็นสิทธิส่วนตัวของทางปลัดกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณาด้วยตัวเองว่าจะดำเนินใดๆ หรือไม่ อย่างไร แต่ส่วนตัวเองยืนยันจะติดตามกรณีนี้จนถึงที่สุด
สำหรับในส่วนของผู้เสียหายนั้น หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีนี้ที่เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือกับตัวเองนั้นเบื้องต้นมีผู้เสียหายทั้งสิ้น 23 คน โอนเงินไปแล้วรวม 515,000 บาท แบ่งเป็น 16 คน ที่จ่ายไปแล้วคนละ 30,000 บาท ซึ่งมิจฉาชีพอ้างว่ากำลังดำเนินการให้ ส่วนอีก 7 คน เพิ่งจ่ายไปคนละ 5,000 บาทเป็นค่าลงทะเบียนเท่านั้น
จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหาย พบว่าเป็นผู้ถือบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ซึ่งส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะได้รับสัญชาติไทยและบัตรประจำตัวประชาชนไทย เพียงแต่มีเงื่อนไข รวมทั้งอาจจะยังต้องรอเวลาและนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้มองว่าจากการที่ผู้เสียหายอยากได้สัญชาติไทย จึงทำให้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพดังกล่าวที่สร้างความน่าเชื่อถือและทำการปลอมแปลงเอกสารทางราชการขึ้นมาให้ ซึ่งหากผู้เสียหายนำไปใช้ย่อมจะมีความผิดถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังจะทำให้หมดสิทธิได้รับสัญชาติไทยด้วย จึงอยากจะขอเตือนให้ระวังและอย่าหลงเชื่ออย่างเด็ดขาดว่ามีวิธีการลัด
ขณะที่นายจงฤทธิชัย ฉิ่งร่ำ อายุ 56 ปี ศิษยาภิบาลคริสตจักรดงป่าก่อ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเครือญาติและผู้ที่เคารพนับถือตัวเอง ซึ่งเป็นผู้ถือบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่พยายามร้องขอสัญชาติไทยกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมานานแล้วแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้นด้วยความต้องการที่จะได้รับสัญชาติไทยโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีสิทธิมีเสียงต่างๆ มากขึ้น จึงหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพดังกล่าว
ตัวเองเป็นคนกลางที่ช่วยรวบรวมเงินจากผู้เสียหาย 23 คน โอนไปให้มิจฉาชีพรวมทั้งสิ้นแล้ว 515,000 บาท กระทั่งต่อมาพบพิรุธหลายอย่างและพยายามตรวจสอบข้อมูล โดยเฉพาะการเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายบุญญฤทธิ์ จนเป็นที่แน่ชัดว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อให้ติดตามจับกุมมิจฉาชีพรายนี้มาลงโทษให้ได้และนำเงินมาคืนให้แก่ผู้เสียหาย