รัฐบาลติดตามสถานการณ์การมีงานทำของประชาชน พบทั่วประเทศมีตำแหน่งว่าง 648,277 อัตรา พร้อมรองรับผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ กรมการจัดหางานจัด Job Expo 4 ภาค พร้อมบริการแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” หนุนการเข้าถึง
วันนี้ (21 ก.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเดือน พ.ค.- มิ.ย. เป็นต้นไป ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ผู้จบการศึกษาใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์การมีงานทำของผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาและประชาชนทั่วไป โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีกิจกรรมที่อำนวยความสะดวก ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตำแหน่งงานโดยสะดวก และผู้ประกอบการก็ได้แรงงานตรงตามต้องการ
ทั้งนี้ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน รายงานว่า ณ ปัจจุบันมีตำแหน่งงานทั่วประเทศว่างอยู่ 648,277 อัตรา ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอในการรองรับผู้จบใหม่ทุกระดับการศึกษาในแต่ละปี และเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหางานตรงกับความต้องและความสามารถได้สะดวกกรมการจัดหางานได้จัดกิจกรรมทั้งออนกราวด์ และออนไลน์เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงงาน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตลอดเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมการจัดหางานได้จัดงาน JOB EXPO THAILAND 2023 ใน 4 จังหวัด 4 ภาค ซึ่งมีสถานประกอบการร่วมงานเพื่อรับสมัครงานกว่า 1,200 แห่ง สมัครงานและรอบรรจุงาน 46,000 ครั้ง
ในส่วนช่องทางเข้าถึงงานผ่านระบบออนไลน์ กรมการจัดหางานได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” ซึ่งมีทั้งเว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ.doe.go.th” และแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” ที่บรรจุตำแหน่งงานใหม่ๆ ของสถานประกอบการทั่วประเทศให้ผู้สนใจเข้าไปสมัครได้ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้กรมการจัดหางานจะมีการลงพื้นที่พบปะสถานประกอบการภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อนำตำแหน่งงานมาบรรจุไว้บนแพลตฟอร์มด้วย พร้อมกันนี้ กรมการจัดหางานยังได้มีการขยายตลาดแรงงานใหม่ๆในต่างประเทศให้แก่แรงงานไทย อาทิ งานใน ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และเกาหลีใต้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลการวิเคราะห์ของกรมการจัดหางาน พบว่า ประเด็นที่น่ากังวลของไทยขณะนี้ไม่ใช่อยู่ที่การไม่มีงานทำ แต่เป็นการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังโควิด-19 ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจบริการ ภาคท่องเที่ยว โรงแรมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ต่างมีความต้องการแรงงานหลากหลายตำแหน่งเพื่อขับเคลื่อนกิจการ ซึ่งบางส่วนต้องนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทดแทน
ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานดังกล่าว กรมการจัดหางานได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดโครงการเพื่อเพิ่ม หรือปรับปรุงทักษะของแรงงานที่มีอยู่ให้พร้อมเข้าไปเสริมในอุตสาหกรรม หรือบริการที่มีความต้องการแรงงานสูง และตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งในปีงบประมาณ 66 มีการพัฒนาฝีมือแรงงานแล้ว 2,770,460 คน โดยแรงงานที่สนใจหลักสูตรการปรับปรุงทักษะการทำงาน สามารถติดต่อ สอบถามที่สายด่วน สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
