ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ญาติแรงงานไทยสาวโคราชเหยื่อน้ำป่าซัดเสียชีวิตที่เกาหลีใต้ ขอกระทรวงการต่างประเทศไทยประสานเกาหลีใต้เผาศพแล้วส่งเพียงอัฐิกลับมาประกอบพิธีที่บ้านเกิด เหตุส่งศพมาค่าใช้จ่ายสูงถึง 7 แสน จัดหางานจังหวัดฯ ชี้เป็นแรงงานเดินทางไปทำงานแบบผิด กม. ทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐ แต่เข้าช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเต็มที่
วันนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพายุถล่มเกาหลีใต้ที่เมืองมุลคย็องชี แรงงานสาวไทย ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวพชรมน รัตน์กระโทก อายุ 33 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเดินทางไปทำงานเป็นคนสวนและโกดังผลิตผลไม้ทำไวน์พร้อมกับสามีมานานกว่า 4 ปี ถูกกระแสน้ำป่าพัดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 66 ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานตามระเบียบขั้นตอนของทางประเทศเกาหลีใต้ เพื่อดำเนินการส่งกลับประเทศไทยบ้านเกิด เนื่องจากผู้เสียชีวิตและสามีเดินทางไปทำงานนอกระบบ โดยอาศัยวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าไปทำงาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว นั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวทราบจากนางสาวมินตรา สุดาทิพย์ น้องสะใภ้ ว่า ทางครอบครัวของนางสาวพชรมนเตรียมเดินทางมายังที่ว่าการอำเภอครบุรีเพื่อขอความช่วยเหลือประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศให้ช่วยประสานงานกับทางประเทศเกาหลีใต้ในการประกอบพิธีเผาศพนางสาวพชรมน และส่งอัฐิกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากการจะนำศพของนางสาวพชรมนกลับมานั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากประมาณ 7 แสนบาท แต่ถ้าเผาศพที่เกาหลีใต้แล้วส่งมาเพียงอัฐินั้นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท เท่านั้น ซึ่งทำให้ทางครอบครัวของนางสาวพชรมนมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกวิธีการส่งเพียงอัฐิของนางสาวพชรมน เพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทยเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า
ด้าน นายเที่ยง ดอกกระโทก จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในระบบรายชื่อแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศในประเทศเกาหลีใต้ ไม่ปรากฏชื่อนางสาวพชรมณ ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าผู้เสียชีวิตเดินทางไปแบบไม่ถูกกฎหมาย ดังนั้นไม่มีสิทธิการได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากทางราชการ ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้ตนและคณะจะได้เดินทางไปที่บ้านของญาติผู้เสียชีวิตที่ อ.ครบุรี เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งเรื่องการประสานงานกับสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ ในการอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเถ้าอัฐิของผู้เสียชีวิตกลับประเทศไทย และการประสานงานกับสำนักงานแรงงานไทยที่เกาหลีใต้ ว่าต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติมจากไทย เพื่อให้ได้สิทธิเงินเดือนรวมทั้งเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากนายจ้างตามสิทธิที่ควรจะได้
“ทั้งนี้ ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ขอฝากเตือนไปยังแรงงานไทยทั้งหลายว่าอยากให้ไปทำงานต่างแดนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถ้าไปทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมายก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ทั้งสิทธิประโยชน์ในประเทศไทย และที่ต่างประเทศ หากประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะได้รับการดูแลตามสิทธิอย่างเต็มที่” นายเที่ยงกล่าวในตอนท้าย
ต่อวันเดียวกันนี้ (17 ก.ค.) ที่ที่ว่าการอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา นางสมพงษ์ รัตน์กระโทก มารดาของ นางสาวพชรมน รัตน์กระโทก อายุ 33 ปี ชาวบ้านหนองแคทราย หมู่ที่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา แรงงานไทยที่ไปเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากดินถล่มที่เมืองมุลคย็องชี ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมกับ นางสาวมินตรา สุดาทิพย์ ลูกสะใภ้
ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานด้านการเดินเรื่องติดต่อกับสถานทูตเกาหลีใต้ ได้เดินทางมาทำหนังสือมอบอำนาจให้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการดำเนินการฌาปนกิจศพของ น.ส.พชรมน พร้อมทั้งแจ้งเสียชีวิต ออกใบมรณบัตรกับทางเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ และดำเนินการจัดส่งอัฐิกลับประเทศไทย โดยมีนายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี คอยอำนวยการให้อย่างใกล้ชิดเพื่อเดินเรื่องโดยเร็วที่สุด
น.ส.มินตรา สุดาทิพย์ น้องสะใภ้ของ น.ส.พชรมน แรงงานไทยที่เสียชีวิต กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานกับสถานทูตเกาหลีใต้ ให้เร่งทำหนังสือมอบอำนาจส่งให้เพื่อที่จะได้ดำเนินการฌาปนกิจศพ และจัดการเรื่องทางกฎหมายขอใบมรณบัตร และการส่งอัฐิกลับบ้านเกิด ซึ่งในส่วนการดำเนินการตอนนี้เบื้องต้นทางครอบครัวต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เฉพาะค่าจัดงานศพที่เกาหลีก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายหลักแสนบาท ยังไม่รวมค่าอื่นๆ แต่ได้รับการประสานจากทางนายจ้างแล้วว่าจะช่วยเหลือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ แต่ก็เห็นใจทางนายจ้างที่ก็ต้องสูญเสียทรัพย์สินและธุรกิจไปจากเหตุการณ์เดียวกันนี้เกือบทั้งหมด ส่วนเรื่องของพี่เขยจะเดินทางกลับเมื่อใดนั้นต้องรอให้การดำเนินการฌาปนกิจเสร็จสิ้นก่อน