ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตามยึดเรือสปีตโบ๊ต “โอลาฟ” หัวโจกใหญ่อุ้มฆ่าหั่นศพนักธุรกิจเยอรมัน หลังพลเมืองดีแจ้งเบาะแสตำรวจ คาดอาจวางแผนนำศพทิ้งทะเลแต่เรือไม่มีทะเบียนจึงนำเข้าจอดท่าเรือไม่ได้จนต้องวางแผนหลบหนีแทน
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ร่วมขบวนการน่าจะวางแผนการลงมือมาเป็นอย่างดี และล่าสุดทีมสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ทั้งหมดแล้ว
ประกอบด้วย นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ (Olaf Thorsten Brinkmann) นางเพทรา (Mrs.Petra Christl Grundgreif) น.ส.นิโคล เฟรเวล (Nicole Frevel) และล่าสุด นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (12 ก.ค.) ทีมสืบสวนคลี่คลายคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ได้นำกำลังเข้าตรวจยึดเรือสปีดโบ๊ต ขนาด 18 ฟุต ยี่ห้อนิสสัน สีขาว เครื่องยนต์ยามาฮ่า ขนาด 60 แรง ซึ่งเป็นของ นายโอลาฟ มาตรวจสอบ หลังพบว่าถูกนำไปฝากไว้ที่บ้านของเพื่อนสัญชาติเดียวกันภายในซอยพระตำหนัก 5 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
โดยการตรวจยึดดังกล่าวสืบเนื่องมาจากได้มีชายสัญชาติเยอรมัน เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังทราบข่าวว่า นายโอลาฟ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค พร้อมบอกว่าเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา นายโอลาฟ ได้ขอให้ช่วยลากเรือที่ซื้อไว้ไปส่งที่หมู่บ้านโชคชัยการ์เด้น 2
กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้นัดหมายกับ นายโอลาฟ ว่าจะลากเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าวไปส่งที่ท่าจอดเรือโอเชียน มารีน่า แต่เนื่องจากเรือไม่มีเอกสารทะเบียนที่ถูกต้อง จึงไม่สามารถนำจอดได้จึงจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเรือกลับมาฝากจอดที่ซอยพระตำหนัก ส่วนการเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ขณะที่กล้องวงจรปิดของร้านอุปกรณ์ตกปลาแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง ยังจับภาพขณะ นายโอลาฟ และนายชาฮ์รูค คารีม อุดดิน เข้ามาซื้ออุปกรณ์ตกปลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการเตรียมลงเรือ หรืออาจจะนำร่างของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค ไปทิ้งทะเลเพื่อทำหลายหลักฐาน
แต่สุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนแกะรอยมาถึงบ้านหลังที่แก๊งผู้ต้องหานำตู้แช่ซุกซ่อนศพที่ถูกหั่นเป็นชิ้นมาเก็บไว้ แก๊งคนร้ายจึงต้องเปลี่ยนแผนในการหลบหนีแทน