แกนนำเสื้อแดงโคราชลั่น! ปธ.สภาฯ ต้องอยู่ “พท.” วอนพรรคยึดหลัก ปชต. อย่าเป็นเผด็จการล็อกโหวต ส.ส.

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แกนนำคนเสื้อแดงโคราชลั่นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องอยู่เพื่อไทยเท่านั้น วอนผู้บริหารพรรคเพื่อไทยยึดความเป็นประชาธิปไตย ให้ ส.ส.มีอิสระยกมือ อย่าล็อกโหวต จะกลายเป็นเผด็จการพรรค

วันนี้ (22 มิ.ย.) จากกรณีในการเสาวนาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกมาปลุกกระแสเรียกร้องไม่ยอมยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคก้าวไกล ทำให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ ส.ส.กลุ่มภาคอีสาน แสดงท่าทีเห็นด้วยกับนายอดิศร ซึ่งสวนทางกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทยหลายคน ทั้งนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคฯ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคฯ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคฯ ที่ก่อนหน้านั้นได้ออกมาพูดว่าจะยอมยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้กับพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคได้รับเลือกตั้ง ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 ไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสมโภชน์ ประสาทไทย แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดนครราชสีมา แฟนคลับพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ได้ทำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด ซึ่งจากการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายประชาธิปไตยก็ชนะการเลือกตั้งมาทุกครั้ง แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย และครั้งนี้ประชาธิปไตยแบ่งบานมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดพรรคน้องใหม่ คือพรรคก้าวไกล ที่ประชาชนให้การสนับสนุนอีกพรรคหนึ่ง คู่กับพรรคเพื่อไทย


ดังนั้นตนเองในฐานะคนเสื้อแดง และแฟนคลับพรรคเพื่อไทย จึงมองว่าพรรคเพื่อไทยควรจะยึดหลักประชาธิปไตยเป็นสำคัญ เช่นเดียวกันกับการเลือกตำแหน่งประธานสภาฯ ถ้าจะเอาแต่ความคิดของผู้บริหารพรรค เพื่อล็อกโหวตให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยยกมือโหวตให้คนของพรรคก้าวไกล ก็จะเป็นเผด็จการเกินไป พรรคเพื่อไทยต้องมีความชัดเจนในความเป็นพรรคประชาธิปไตย ควรให้ ส.ส.แต่ละคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีอำนาจตัดสินใจเองได้ จึงจะทำให้ตำแหน่งประธานรัฐสภามีความสง่างาม และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนพรรคก้าวไกลที่ยืนหยัดว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ก็ควรเห็นด้วยกับแนวทางแบบประชาธิปไตยนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยรุ่นพี่ ที่มีวุฒิภาวะมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า ในเมื่อพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว ตำแหน่งประธานรัฐสภา ที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ควรจะให้เป็นของพรรคเพื่อไทย จะเหมาะสมที่สุด ซึ่งจะทำให้การทำงานบริหารประเทศของ 2 พรรคใหญ่มีความสมดุลกัน ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย กลับไปทบทวนดูอีกครั้ง โดยไปสอบถาม ส.ส.ทุกคนดูก่อนว่าเขาเห็นด้วยกับความคิดของผู้บริหารพรรคหรือไม่ เพราะถ้าไปล็อกโหวต จะทำให้เกิดภาพลักษณ์เป็นเผด็จการในพรรคแน่นอน