มุกดาหาร- ถนนสาย มห.3019 มุกดาหาร เชื่อมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 61% ทางหลวงชนบทยันพร้อมจ่ายเงินเวนคืนให้ประชาชนส่วนที่เหลือ 25% ส่วนชาวบ้านที่ยังไม่ทำการรังวัดที่ดินให้เร่งแล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้รับเงินเวนคืนส่วนที่เหลือ เผยหลังสร้างเสร็จช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 เข้าสู่ประเทศลาว
จากกรณีชาวบ้านโพนทราย ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมมุกดาหาร ว่าโครงการเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท มห.3019 เชื่อมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เวนคืนที่ดินในท้องที่ ต.โพนทราย เพื่อสร้างถนนสายดังกล่าว โดยกรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการจ่ายเงินทดแทนค่าเวนคืนไปแล้ว 75% โดยส่วนที่เหลืออีก 25% จะจ่ายให้แก่ชาวบ้านเมื่อได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่กรมทางหลวงเสร็จเรียบร้อย และส่วนที่เหลือ 25% ชาวบ้านยังไม่ได้รับ และชาวบ้านได้ฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นางนิศามณี ประชานันท์ บ้านเลขที่ 180 หมู่ 3 ตำบลโพนทราย เปิดเผยความคืบหน้าว่า เงินค่าเวนคืนที่ดินที่เหลือ 25% ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองไปแล้ว ตอนนี้รอหนังสือจากศาลปกครอง ไม่ได้ยื่นฟ้องที่ศาลมุกดาหาร เพราะว่าไม่มีเงินค่าทนาย และไม่มีเงินไปวางที่ศาล ก็เลยรวมตัวกันกับลูกหลานไปยื่นฟ้องที่ศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา การสร้างถนนดังกล่าว กระทบต่อร้านขายของของตนเองและลูกสาว ไม่มีรายได้ก็เลยหนีไปอยู่ตามท้องไร่ท้องนา หาซื้อที่ติดถนนใหญ่ไม่ได้ อยากได้ที่ดินติดถนนเพื่อจะได้ทำมาหากิน แม้ราคาสูงมากๆ ไร่ละล้านบาทก็ยังไม่มีคนขายให้ อยากได้ให้ลูกหลานใช้ทำมาหากิน ตอนนี้ไม่มีโอกาส
นายจำรัส ชัยมณี ผอ.แขวงทางหลวงชนบทภูเก็ต รักษาราชการแทน ผอ.แขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร กล่าวว่า อธิบดีกรมทางหลวงชนบทได้รับทราบว่าในส่วน 25% หลังครั้งที่ 2 ชาวบ้านยังไม่ได้รับเงิน ท่านเลยจะเร่งรัดเบิกจ่ายให้ ตอนนี้เงินที่สามารถจ่ายได้เลย 27.9 ล้านบาทเศษ ทั้งหมด 52 ราย ครั้งที่ 1 มีรายการประกอบด้วย 25% เนื้อที่ที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้น และทางราษฎรบางส่วนอุทธรณ์ อุทธรณ์แล้วมีผลและจะได้ดอกเบี้ยอุทธรณ์ และดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายทั้งหมด และเงินในครั้งนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 27.9 ล้านบาทเศษ สำหรับก้อนที่ 2 กรมทางหลวงชนบทมีเงินอยู่แล้ว 22 ล้านบาทเศษสำหรับเบิกจ่ายแก่ผู้ถูกเวนคืนในรอบที่ 2 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 35 ราย คาดว่าจะเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2566
นายจำรัสกล่าวอีกว่า ส่วนราษฎรที่ฟ้องศาลปกครอง ราษฎรรายนั้นถ้ามีผลรังวัด 25% แล้วด้านหลังโฉนดที่ดินมีการแบ่งแยกโดยเจ้าพนักงานที่ดินชัดเจน รายนั้นอาจจะอยู่ในรอบที่ 1 ที่กำลังจ่ายอยู่ในขณะนี้ หรืออาจจะอยู่ในกลุ่มที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะจ่ายได้ภายในเดือนสิงหาคม 66 เส้นทางนี้ มห.3019 ระยะทางทั้งสิ้น 14 กม.เศษ ขณะนี้ก่อสร้างแล้วประมาณ 61% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ภายในเมษายน 2567 ส่วนราษฎรบางรายที่รับเงินไปแล้ว 75% ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 25% เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกท่านที่จะต้องไปยื่นแบ่งแยกโฉนดที่ดิน หรือรังวัดโฉนด ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดมุกดาหาร เพื่อที่จะโอนที่ดินที่รังวัดให้แก่กรมทางหลวงชนบท
หากรายใดยังไม่ไปยื่นก็ขอให้รีบไปยื่น กรมทางหลวงชนบทจะจ่ายค่ารังวัดให้ด้วย ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เอาเรื่องมายื่นที่แขวงทางหลวงชนบทมุกดาหารโดยด่วน ทางแขวงทางหลวงชนบทจะเบิกเงินนั้นมาจ่ายให้ท่านโดยเร็วที่สุดต่อไป ในกลุ่มนี้มีเงินอยู่ประมาณ 11 ล้านบาทเศษ
ด้าน นายอนุสรณ์ โพธิ์ศิริ ทนายความ กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารได้งบประมาณเวนคืนที่ดินตาม พ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน ท้องที่ตำบลโพนทราย และตำบลบางทรายใหญ่ โดยปี 2564 มีการจ่ายเงินงวดแรกให้แก่ประชาชนที่ถูกเวนคืน จ่ายงวดแรก 75% ของแต่ละราย หลังจากนั้นจะมีการจ่ายงวดที่ 2 ในปี 2565 ทางกรมทางหลวงได้มีการอนุมัติจ่ายเงินมา แล้วประชาชนไม่ได้รับเงิน จากนั้นก็ได้มีการร้องเรียนไปหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้รับเงิน จนกระทั่งมีการฟ้องร้อง โดยทางกลุ่มผู้ร้องเรียนได้ฟ้องร้องกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงชนบท และแขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร
หลังจากนั้น ทางแขวงทางหลวงชนบท โดย ผอ.จำรัส ชัยมณี ที่ย้ายมาก็คิดตามว่าเงินจำนวนนี้ไปไหน ทั้งที่ทางกรมฯ เขาอนุมัติมาแล้ว ทำไมไม่จ่ายให้ประชาชน จึงได้ประสานมาทางทนายความ ว่าทางกรมฯ มีเงินให้แล้ว พร้อมที่จะจ่ายเงิน จึงได้นัดหมายจ่ายเงินให้กับบริษัทสหเรืองไปทั้งหมด 3 คดี ทั้งในนามบริษัทและนามส่วนบุคคล จ่ายแล้วได้ถอนฟ้องไปแล้ว ส่วนอีกคดีก็ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจ่ายมาบางส่วน จะจ่ายในงวดที่ 2 และจะจ่ายให้ประชาชนที่ทางบริษัทดำเนินการให้ทั้งหมด 34 ราย และประชาชนบางกลุ่มที่มีรายชื่อมารับเช็คก็จะทยอยมารับ โดยทางแขวงทางหลวงชนบทเป็นฝ่ายเรียกประชาชนมารับด้วยตนเอง โดยจะจ่าย 2 งวด ไม่เกิน 31 สิงหาคม 2566
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 ถึงบ้านบางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 61% ระยะทางรวม 14.211 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 804.159 ล้านบาท มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (กม.ที่ 781+000) และไปสิ้นสุดโครงการที่บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (กม.ที่ 414+262) ซึ่งใน 4 กิโลเมตรแรกของโครงการจะขยายถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 เดิม จาก 2 ช่องจราจร เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร โดยก่อสร้างเป็นถนนผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ มีไหล่ทาง พร้อมสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 4 แห่ง ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยเมื่อโครงการดังกล่าวก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์
นอกจากจะเป็นเส้นทางสนับสนุน SEZ รองรับการเจริญเติบโตของเมืองมุกดาหารในอนาคตแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 สู่ประเทศลาว รวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมืองให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยอย่างยั่งยืนอีกด้วย