xs
xsm
sm
md
lg

“ปลัดจอมแฉ” ลุยตรวจสอบกรณีส่อสวมบ้านเลขที่อ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ที่ดินในหลวง ร.๙ พระราชทานมูลนิธิฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - “ปลัดจอมแฉ” ลงพื้นที่ลุยตรวจสอบหลังตัวแทนมูลนิธิช่วยเหลือการพัฒนาอนามัยและท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากสงสัยว่าอาจจะมีการสวมบ้านเลขที่ แล้วอ้างสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอครอบครองปรปักษ์ที่ดิน ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานให้มูลนิธิฯ กว่า 8 ไร่ ในตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนรวมด้านสาธารณสุข แต่กลับถูกบุกรุกครอบครองสร้างบ้านอยู่อาศัยเกือบ 40 หลังคาเรือน โดยชาวบ้านดั้งเดิมยืนยันบ้านเลขที่ดังกล่าวตั้งอยู่อีกที่หนึ่งที่เจ้าของเก่าขายบ้านพร้อมที่ดินไปแล้ว


วันนี้ (21 มิ.ย. 66) ที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านป่าข่อยเหนือ หมู่ที่ 1 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาเชียงใหม่ และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) พร้อมด้วยนางสาวยศธร ผลเจริญรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่, กำนันตำบลสันผีเสื้อ, ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 และผู้นำหมู่บ้าน ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีได้รับการร้องเรียนจากตัวแทนมูลนิธิช่วยเหลือการพัฒนาอนามัยและท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบเกี่ยวกับทะเบียนราษฎรของบ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 1 ตำบลสันผีเสื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านพักอาศัยที่ก่อสร้างบุกรุกอยู่ในที่ดินพื้นที่ 8 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวา ของมูลนิธิฯ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าของบ้านเลขที่ดังกล่าวได้อ้างสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนหนึ่งของมูลนิธิฯ เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา อ้างว่าสร้างบ้านอยู่อาศัยและมีบ้านเลขที่ดังกล่าวอยู่ในที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 อย่างไรก็ตาม มีพยานบุคคลและข้อมูลแย้งว่าที่จริงบ้านเลขที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในที่ดินนี้มาแต่แรก แต่เป็นการเอาบ้านเลขที่ที่เป็นของบ้านอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บนที่ดินอีกแปลงหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกันและเจ้าของเดิมขายไปแล้วนำมาใช้ ซึ่งเบื้องต้นจากการลงพื้นที่ชี้จุดโดยการนำอดีตผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านดั้งเดิมยืนยันว่าที่ตั้งเดิมของบ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 1 ตำบลสันผีเสื้อ นั้นอยู่บนที่ดินอีกแปลงหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกันห่างจากที่ตั้งที่ดินของมูลนิธิฯ ไปประมาณ 500 เมตร


นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาเชียงใหม่ และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เปิดเผยว่า การตรวจสอบในครั้งนี้เนื่องจากตัวแทนของมูลนิธิฯ ที่ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการมูลนิธิฯ ได้มาร้องขอให้ช่วยดำเนินการตรวจสอบบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากการนำชี้ของผู้นำหมู่บ้าน รวมทั้งชาวบ้านดั้งเดิมและผู้รู้เห็นทำให้ทราบว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเดิมตั้งอยู่ในที่ดินอีกแปลงหนึ่ง ไม่ใช่ที่ตั้งของบ้านที่ตั้งอยู่ในที่ดินของมูลนิธิฯ โดยเจ้าของเดิมขายบ้านพร้อมที่ดินไปแล้ว และมีการขอเลขที่บ้านใหม่ แต่ไม่ได้ยกเลิกเลขที่บ้านเดิม 

จากนี้ทางสำนักทะเบียนจะได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ตามหลักกฎหมายแล้วการขอเลขที่บ้านจะต้องมีหลักฐานเป็นเอกสารสิทธิที่ดิน และบ้านหนึ่งหลังที่อยู่บนที่ดินจะมีเลขที่บ้านเดียวเท่านั้น รวมทั้งไม่สามารถนำไปใช้เป็นเลขที่บ้านหลังอื่นที่อยู่บนที่ดินคนละแปลงได้ และไม่สามารถอ้างเหตุผลได้ด้วยว่ามีการนำเลขที่บ้านไปใช้นานแล้ว เพราะไม่ต่างกับการสวมบัตรประชาชน ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ย่อมไม่ทำให้ผู้ที่สวมบัตรประชาชนกลายเป็นบุคคลตามบัตรประชาชนจริงๆ และหากตรวจสอบพบต้องมีความผิดและถูกดำเนินการตามกฎหมาย


ส่วนนางสาวยศธร ผลเจริญรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โดยหลักตามกฎหมายแล้วบ้านหนึ่งหลังจะมีเลขที่บ้านเพียงเลขที่เดียวและมีที่ตั้งอยู่บนที่ดินตามที่ยื่นคำขอเลขที่บ้าน ซึ่งบ้านเลขที่ไม่สามารถย้ายเปลี่ยนที่ตั้งได้ ทั้งนี้ ในกรณีนี้เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ดูสภาพพื้นที่และข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อน ไม่พบว่ามีบ้านเลขที่ซ้ำกัน และจากนี้จะต้องดำเนินการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวแต่เดิมนั้นมีที่ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ 

อย่างไรก็ตาม หากพบว่าที่ตั้งไม่ตรงกันจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้งทั้งการลงพื้นที่และสอบปากคำผู้นำท้องที่ รวมทั้งชาวบ้านที่รู้เห็นจนได้ผลสรุปที่แน่ชัด ซึ่งถ้ามีการกระทำผิดจริงก็จะต้องจำหน่ายเลขที่บ้านดังกล่าวทิ้งไป โดยจากนี้เตรียมนำเสนอข้อมูลให้นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ทราบและพิจารณา พร้อมดำเนินการตรวจสอบและจะทราบผลในเวลาไม่นานนี้อย่างแน่นอน ยืนยันดำเนินการตามข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย


ขณะที่นายปรัชญา จิตตะคุปต์ อายุ 67 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านป่าข่อยเหนือ เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้านช่วงปี 2537-2547 โดยทั้งตัวเองและชาวบ้านส่วนใหญ่ทราบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวที่ถูกบุกรุกเป็นที่ดินของมูลนิธิฯ เช่นเดียวกับชาวบ้านที่เข้าไปปลูกสร้างบ้านอยู่ในที่ดินของมูลนิธิฯ ซึ่งทราบอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีฐานะยากจนจึงขออยู่อาศัยไปจนกว่าจะมีการให้ออกไป โดยเดิมที่ดินแปลงนี้ถูกปล่อยรกร้างจึงทำให้มีผู้บุกรุกสร้างที่อยู่อาศัยจนกระทั่งปัจจุบันรวมประมาณ 40 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่มีบ้านเลขที่ชั่วคราวและส่วนหนึ่งมีบ้านเลขที่ระบุว่าเป็นการย้ายมา 

ส่วนกรณีบ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 1 นั้น ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งอยู่บนที่ดินของมูลนิธิฯ แต่อยู่บนที่ดินอีกแปลงหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเจ้าของเดิมได้ขายบ้านและที่ดินไปแล้วตั้งแต่หลายสิบปีก่อน แต่ยังเก็บเลขที่บ้านเอาไว้และมีการนำไปเป็นบ้านเลขที่ของบ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร


ด้านนายศรุต กาญจนกามล อายุ 54 ปี ตัวแทนมูลนิธิช่วยเหลือการพัฒนาอนามัยและท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แม่ของตัวเองที่ปัจจุบันอายุ 86 ปี ได้นัอมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 8 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวา แด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อปี พ.ศ. 2519 และในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานที่ดินดังกล่าว พร้อมเงินอีก 300,000 บาท ให้เพื่อจัดตั้งมูลนิธิฯ และดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนรวมในด้านการสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยที่แม่ของตัวเองเป็นกรรมการมูลนิธิฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาหลายสิบปียังไม่ได้มีการดำเนินการในที่ดินดังกล่าวและปรากฏว่ามีชาวบ้านบุกรุกเข้าไปสร้างที่อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2550 แม่ของตัวเองทราบเรื่องว่ามีการบุกรุกที่ดินของมูลนิธิฯ จึงได้หารือกับกรรมการมูลนิธิฯ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินตามวัตถุประสงค์ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ และปรากฏว่ามีหนึ่งในผู้บุกรุกยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอครอบครองปรปักษ์ อ้างว่าสร้างบ้านอยู่อาศัยและมีบ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 1 อยู่ในที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 แต่ตัวเองมีพยานเป็นผู้นำหมู่บ้านและคนดั้งเดิมในหมู่บ้านให้ข้อมูลยืนยันว่าแท้ที่จริงแล้วบ้านเลขที่ดังกล่าวมีที่ตั้งอยู่ในที่ดินอีกแปลงหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน จึงได้ร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรักษาสิทธิของมูลนิธิฯ ในการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์สาธารณะและตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ






กำลังโหลดความคิดเห็น