บุรีรัมย์ - มือถืออลวน สาววัย 30 ชาวบุรีรัมย์สั่งไอโฟนราคาครึ่งแสนจากสิงคโปร์ ครบกำหนดไม่ได้รับของ บริษัทขนส่งสินค้าตรวจสอบพบพนักงานทำหล่นหายระหว่างนำส่งจึงแจ้งความ ล่าสุดเด็กวัดเก็บได้ส่งมอบคืน แต่ลูกค้าไม่รับและทางบริษัทรับผิดชอบคืนเงินให้ สุดท้ายพนักงานขนส่งถูกแจ้งความและให้ออกจากงาน เจ้าตัวโอดไม่เป็นธรรม
วันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระครูสังวรธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดสองพี่น้อง ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และเป็นเจ้าคณะตำบลสะเดา ว่ามีเด็กวัดคนหนึ่งเก็บกล่องพัสดุได้ที่บริเวณด้านทิศตะวันตกของวัด แล้วนำมาให้พระลูกวัดก่อนพระลูกวัดจะเอากล่องพัสดุดังกล่าวขึ้นมาวางไว้บนกุฏิ ต่อมาได้เปิดออกดู ถึงทราบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน น่าจะราคาแพงพอสมควร จึงอยากให้ช่วยประกาศตามหาเจ้าของเพื่อนำหลักฐานมาติดต่อรับคืน ซึ่งหลังจากมีการโพสต์ประกาศหาเจ้าของมือถือไอโฟนดังกล่าวที่เด็กวัดเก็บได้ ก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทขนส่งชื่อดัง รวมถึงพนักงานที่ส่งพัสดุ และเจ้าของพัสดุดังกล่าวติดต่อประสานมาว่าเป็นพัสดุที่พนักงานทำหล่นหายระหว่างทาง จากนั้นก็ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อติดต่อรับพัสดุคือโทรศัพท์มือถือไอโฟนคืน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้นำชุมชนมาร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบมือถือคืนด้วย
จากการสอบถามรายละเอียดทราบว่ามือถือเครื่องดังกล่าวลูกค้าได้สั่งซื้อมาจากสิงคโปร์ โดยบริษัทขนส่งสินค้าดังกล่าวเป็นตัวแทนรับส่งสินค้า โดยมีพนักงานขนส่งสินค้าเป็นผู้นำส่งให้กับลูกค้า แต่ระหว่างทางกล่องพัสดุดังกล่าวเกิดหล่นหาย ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับสินค้าจึงได้ติดต่อที่บริษัท ทางบริษัทจึงต้องรับผิดชอบคืนเงินให้ลูกค้าตามเงื่อนไข พร้อมทั้งได้แจ้งความต่อตำรวจเพื่อให้พนักงานส่งสินค้ารับผิดชอบกรณีทำสินค้าหล่นหาย พร้อมทั้งให้ออกจากงานตามกฎของบริษัท
นางสาวสุนิสา ภูตะลา หรือแต๋ม อายุ 30 ปี ชาวตำบลถนนหัก ซึ่งเป็นลูกค้าที่สั่งมือถือเครื่องดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้ให้ญาติที่สิงคโปร์รูดซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone รุ่น 14 Pro Max เครื่องดังกล่าวในราคาเกือบ 5 หมื่นบาท โดยญาติได้ส่งมาจากสิงคโปร์กับอีกบริษัทเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อตรวจสอบในระบบพบสินค้ามาถึงไทยแล้ว จากนั้นวันที่ 14 มิ.ย. 66 บริษัทขนส่งชื่อดังก็โทร.แจ้งว่าพัสดุหล่นหายระหว่างที่พนักงานนำส่ง แต่ทางบริษัทขนส่งก็รับผิดชอบให้โดยการโอนเงินค่าสินค้าให้เต็มจำนวน พร้อมอธิบายว่าพนักงานเป็นคนทำหล่นหายซึ่งทางบริษัทจะดำเนินการต่อพนักงานตามกฎของบริษัทเอง ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะทางบริษัทขนส่งสินค้าก็รับผิดชอบแล้ว ส่วนทางบริษัทจะดำเนินการอย่างไรนั้นเป็นสิทธิ์ของบริษัทไม่ขอออกความเห็น
ด้าน นายโกศล พลแสน อายุ 52 ปี พนักงานขนส่งพัสดุบริษัทดังกล่าว บอกว่า ในฐานะที่ตนเป็นพนักงานนำจ่ายสินค้า กรณีนี้ก็ยอมรับว่าเป็นเพราะความสะเพร่าที่ทำพัสดุหล่นหายระหว่างทาง ซึ่งตอนที่เข้าไปสมัครทำงานก็บอกกับทางบริษัทแล้วว่ารถของตนไม่ได้เป็นรถคอกเป็นเพียงรถกระบะและผ้ายางปิดกั้นกระบะเท่านั้น แต่วันนั้นมีสินค้ากว่า 80 รายการที่จะต้องนำส่งลูกค้า ขณะที่วิ่งรถมาส่งบนถนนสายนางรอง-ปะคำ และวิ่งเข้ามาส่งให้ลูกค้าในหมู่บ้านสองพี่น้องจนกระทั่งสินค้าหายไป ตนก็ทั้งเช็กรวมถึงพยายามให้ผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้านประกาศตามหาแต่ก็ไม่พบ
หลังเกิดเรื่องทางบริษัทก็ให้ออกไว้ก่อน รวมถึงเงินค่าจ้างที่ทำไว้ 1 เดือนก็ยังไม่จ่ายให้จนกว่าจะมีการชดใช้สินค้าให้หมดภายใน 6 เดือน แต่พอทราบว่ามีคนเก็บพัสดุได้ แล้วได้ส่งมอบสินค้าให้ทางบริษัทคืนตนก็รู้สึกโล่งอก เพราะไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินค้าเกือบ 5 หมื่นบาท แต่ก็ต้องตกงานเพราะทางบริษัทยังไม่ให้ตนเข้าไปทำงาน ทั้งที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก ก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมแต่ก็เข้าใจว่าเป็นกฎของบริษัท
ขณะที่ตัวแทนบริษัทให้ข้อมูลว่า พัสดุชิ้นนี้เป็นสินค้า VIP ซึ่งการนำส่งนั้นจะต้องมีความระมัดระวังในการนำส่งเป็นอย่างดี เนื่องจากสินค้ามีมูลค่าค่อนข้างสูง จากการตรวจสอบสินค้าชิ้นนี้เข้ามาที่คลังพัสดุสาขาอำเภอนางรองในวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา จนกระทั่งมีการเข้าระบบเพื่อนำจ่าย ในขณะเดียวกันสินค้าเกิดตกหาย ทางบริษัทจึงเช็กกับผู้นำส่ง ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2566 บริษัทก็ต้องแจ้งความไว้ รวมไปถึงได้ให้พนักงานออกไว้ก่อน และมีการเจรจาตกลงประนีประนอมในการชดใช้ค่าเสียหาย โดยแบ่งการชดใช้เป็นทั้งหมด 6 งวด เนื่องจากสินค้ามีราคา 44,900 บาท แบ่งเป็นงวดละ 7,483 บาท ในส่วนของการดำเนินการนั้นเป็นไปตามกฎระเบียบของบริษัท