นครสวรรค์ - ตามติดชีวิตยายวัย 76 ชาวนครสวรรค์ หลังถูกหวยรางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัล 12 ล้านมาหมาดๆ..ล่าสุดแบ่งให้ทั้งลูก-สะใภ้เสร็จ ซื้อที่ดิน ห้องแถว รถใหม่ป้ายแดง พร้อมทุ่มจ้างลิเกดังเปิดวิกกลางลานวัดเทพนิมิตสว่างธรรม ตามที่ลั่นวาจาไว้ แต่ยังช่วยงานวัด แนะนำญาติโยมจุดประทัดไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณ ทุกวันแม้เป็นคริสต์
หลังจากนางกังวล คล้ายมุรี ยายอายุ 76 ปี ชาว อ.เมืองนครสวรรค์ บุญใหญ่หล่นทับรับโชค ถูกหวยรางวัลที่ 1 หมายเลข 125272 งวดวันที่ 1 มิถุนายน 2566 จำนวน 2 ใบ ได้รับเงินรางวัล 12 ล้านบาท กลายเป็นเศรษฐีใหม่ โดยไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนแต่ก่อนแล้วนั้น
และหลังถูกหวยรางวัลที่ 1 ยายกังวล ได้ว่าจ้างให้ลิเกวง “ศรราม น้ำเพชร” มาเปิดวิกแสดงลิเกให้ชมฟรี ที่วัดเทพนิมิตสว่างธรรม ต.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นวัดที่ยายกังวลมาใช้ชีวิตกินข้าวก้นบาตรพระเกือบทุกวัน
ยายกังวลเล่าถึงชีวิตใหม่หลังจากถูกหวยรางวัลที่ 1 ว่า ได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่ 1 สองใบไปขึ้นรางวัลรับเงินมาแล้ว 12 ล้านบาท และได้นำเงินมาแบ่งให้ลูก 4 คน และลูกสะใภ้ 1 คน คนละ 1 ล้านบาท จากนั้นเอาเงินอีกจำนวนหนึ่งไปเหมาซื้อห้องแถวที่เคยพักอาศัยอยู่ 2 ที่ พร้อมกับที่ดินเอาไว้เตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ รวมถึงรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ อีกอย่างละ 1 คัน ซึ่งก็ซื้อด้วยเงินสดทั้งหมด โดยตอนนี้ยังมีเหลืออยู่อีกหลายล้านบาท แต่ขอไม่บอกว่าเหลืออีกเท่าไหร่
เมื่อถามถึงชีวิตในอดีตที่ผ่านมา ยายกังวลเล่าว่า เมื่อก่อนถือว่าเร่ร่อนและลำบากมาก ไปใช้ชีวิตอยู่ทั้งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.นครราชสีมา แล้วย้ายมาอยู่นครสวรรค์ สามีก็มาด่วนจากไปกะทันหัน จนต้องทำงานรับจ้างทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงลูกทั้ง 4 คนให้อยู่รอด
แต่ก็โชคดีที่ได้นายสุพจน์ สังข์เงิน ส.จ.ในพื้นที่ คอยช่วยเหลือมาตลอด แถมยังเอาห้องเช่าเล็กๆ ของเขาให้ตนพักอาศัยอยู่กับลูกๆ ฟรีโดยไม่เสียค่าเช่าอีกด้วย จึงช่วยให้ชีวิตผ่านมาได้ จนกระทั่งลูกๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาว เริ่มมีครอบครัว และมีงานทำ ตนก็เริ่มเบาการทำงานลง เนื่องจากลูกๆ จะแบ่งเงินในแต่ละเดือนมาให้ใช้ ทำให้ตั้งแต่นั้นมาตนก็มักจะใช้เวลาว่างไปอยู่ที่วัดเทพนิมิตสว่างธรรม ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอยู่บ่อยๆ เริ่มแรกก็ไปหาชาวบ้านคนรู้จักที่เขามาอยู่ช่วยวัด พอเริ่มมาบ่อยๆ เข้า ก็ถูกชักชวนให้ช่วยกันทำงานอยู่ที่วัด
“ตอนนั้นทางวัดเขาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวชามละ 10 บาทอยู่ภายในวัด แล้วให้ฉันมาช่วยขาย ซึ่งก็ทำมานานหลายปี ค่าจ้างไม่มี เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวการกุศล แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะทำบุญช่วยวัด แล้วอีกอย่างตอนนั้นก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก เพราะมีเบี้ยยังชีพคนชรา กินข้าวก้นบาตรพระทุกวัน ลูกๆ ก็คอยส่งเงินมาช่วยเหลือด้วย จึงไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรมาก”
และระหว่างที่ช่วยงานในวัดนั้น ตนยังมีหน้าที่คอยช่วยแนะนำญาติโยมที่มากราบไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณที่วัดด้วย แต่ตัวเองไม่เคยกราบไหว้ เนื่องจากนับถือศาสนาคริสต์มาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถกราบไหว้ได้ แต่ก็มักจะคอยเอาเลขจากหางประทัดที่ญาติโยมเขามาจุดไหว้ทำบุญ เอาไปซื้อหวยอยู่ทุกงวดเหมือนกัน
ยายกังวลเล่าก่อนจะถึงวันที่ดีใจที่สุดในชีวิตว่า ก่อนหวยจะออกวันที่ 1 มิถุนายน มีชาวบ้านที่รู้จักกันมาเล่าว่าในวันครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าอาวาสวัด มีลูกศิษย์ลูกหามาทำบุญแล้วจุดประทัดไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณ ได้เลขปลายหาง 72 ซึ่งตนก็ยังเฉยๆ อีก แต่ก็พูดกับเขาว่าเดี๋ยวจะเอาเลขดังกล่าวไปซื้อหวย ถ้าถูกรางวัลใหญ่ได้เงินมากจะจ้างคณะลิเกชื่อดังมาแสดงโชว์ 3 คืนเลย และตนก็ไปซื้อหวยเลขท้ายนั้นจริงๆ ได้มา 2 ใบ แล้วก็ไปใช้ชีวิตตามปกติแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมาก จนมาถึงวันที่มีการประกาศรางวัล ตนก็เฮลั่นวัดเลยตอนนั้น เมื่อนำหวยที่ซื้อ 2 ใบมาตรวจดูแล้วพบเลขทุกหลักตรงกันทุกตัวกับรางวัลที่ 1
ต่อข้อถามถึงการจัดแสดงลิเกคณะศรราม น้ำเพชร ยายกังวลเล่าว่า เป็นการทำตามคำพูด ตนก็ได้ติดต่อว่าจ้างให้คณะลิเกชื่อดังมาทำการแสดงให้ชาวบ้านได้ชมฟรี 3 คืน และคณะนี้เขาคิดค่าจ้างคืนละ 180,000 บาท คืนแรกจะพิเศษหน่อย เพราะจะมีการนำคณะลิเกมาร่วมทำพิธีรำต่อหน้าองค์ท้าวเวสสุวรรณก่อนจะมีการแสดงบนเวที หลังจากการแสดงงานเสร็จสิ้น ตนจะถวานเงินแด่วัดเป็นค่าน้ำค่าไฟอีกจำนวน 350,000 บาท
“แม้จะสุขสบายแล้ว ฉันก็จะไม่ทิ้งชีวิตแบบเดิมๆ แน่นอน และจนถึงตอนนี้ก็ยังมาใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับวัด คอยช่วยงานขายก๋วยเตี๋ยวทุกวันเช่นเดิม ล่าสุดก็ซื้อประทัดมาให้เพื่อนที่รู้จักกันเอาไปจุดอีก ก็ได้เลขเด็ด 691 กับ 58 มา ซึ่นฉันก็จะนำไปซื้อหวยพร้อมกับเลขทะเบียนรถกระบะป้ายแดงที่เพิ่งถอยมาใหม่ไปซื้อหวยด้วย เผื่องวดนี้จะดวงเฮงถูกหวยอีก”