ผกก.สภ.บางบัวทอง ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลังชาวบ้านกว่า 30 ชีวิต เข้าแจ้งความ ผ่อนบ้านผ่านโครงการมั่นคง แต่ได้บ้านคนงานแทน ส่อพิรุธเงินหายไปกว่า 2 ล้านบาท พบเมียประธานเป็นบุคคลภายนอก มีชื่อถือบัญชี เตรียมเรียกกรรมการสหกรณ์บริการเคหสถานรวมใจพัฒนาตลาดเก่า สอบปากคำเพิ่ม
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 66 ที่ซอยเลียบคลองเจ็ก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ชาวบ้านกว่า 30 ชีวิต เดินทางนำหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือ กับ นายเกียรติคุณ ต้นยาง ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จังหวัดนนทบุรี และประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังซื้อบ้านโครงการมั่นคง ส่งเงินไปแล้วหลักแสน ผ่านมากว่า 3 ปี กลับต้องอยู่บ้านพักชั่วคราวสภาพบ้านสังกะสี ยิ่งกว่าแคมป์คนงาน ผนังมีรู ผุพัง ช่วงหน้าฝนสังกะสีปลิวหลุดเสียหาย ฝนตกต้องคอยรองน้ำ ต้องเปลี่ยนปลั๊กหลายจุด เพราะไม่ได้มาตรฐาน เคยมีชาวบ้านถูกไฟดูด ต้องอยู่ท่ามกลางสัตว์มีพิษ ทั้งงูเห่า และตะขาบ ชาวบ้านหลายคนทนไม่ไหว ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่บางครอบครัวต้องทนอยู่ เพราะไม่มีเงินไปเช่าบ้าน และซื้อบ้านหลังใหม่
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. 66 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย ชาวบ้าน 35 ราย เดินทางเข้าติดตามความคืบหน้าทางคดีหลังแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ กับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เพื่อให้ติดตาม นายปรีชา วุฒิเพชร์ และคณะกรรมการที่ดำเนินการ พร้อมพวก หลังนำเงินสมาชิกสหกรณ์บริการเคหสถานรวมใจพัฒนาตลาดเก่า รวมกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
ทนายโป้ง กล่าวว่า วันนี้ตนมาติดตามความคืบหน้าที่ชาวบ้านในหมู่ 8 เขตพื้นที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยการฝากเงินออมทรัพย์จะไปซื้อที่ปลูกบ้าน พอถึงเวลาไม่มีบ้าน มีแต่ที่แปลงและสร้างบ้านชั่วคราวให้ก่อน 3 เดือน รอว่าโครงการบ้านมั่นคงเสร็จ แต่กลายเป็นบ้านลักษณะคล้ายแคมป์คนงาน อยู่มากว่า 3 ปี ไม่มีการสร้างบ้าน ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดหวังที่อยู่อาศัยหลังจากตลาดไฟไหม้ ทำให้ไม่มีที่อยู่ สาเหตุหลักมาจากการรวมกลุ่มสหกรณ์ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจคนของชาวบ้าน ที่เลือกตั้งมาเป็นประธาน เลือกคณะกรรมการ รวมแล้ว 8 คน และเลือกคณะดำเนินการรวมประธาน 3 คน มีการไว้ใจและส่งเงิน โดยไม่ทราบว่าเงินที่ส่งไปจะถึงสหกรณ์หรือไม่ ชาวบ้านรู้อย่างเดียวว่าถ้าส่งเงินช้าจะโดนปรับวันละ 200 บาท ส่งไปเรื่อยๆ จนมีคนใจกล้าสอบถามว่าเมื่อไหร่จะได้ที่ และเมื่อไหร่จะสร้างบ้าน และมีการสร้างบ้านให้อยู่ชั่วคราวในระหว่างรอบ้านจริง เป็นบ้านน็อกดาวน์
พอถึงเวลากลายเป็นบ้านแคมป์คนงาน ซึ่งทางประธานบอกให้อยู่ไปก่อนแค่ 3 เดือน หลายคนจึงเข้าไปอยู่ ผ่านมาถึงวันนี้ 3 ปี ติดตามทวงถามก็ไม่ได้รับคำตอบ จนชาวบ้านทนไม่ไหว รวมกลุ่มไปร้องศูนย์ดำรงธรรม เมื่อเดือน พ.ย. 65 และมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางบัวทอง เมื่อเดือน ธ.ค. 65 ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับความคืบหน้า ตนจึงพาชาวบ้านเข้ามาสอบถามความคืบหน้า วันนี้ได้คำตอบแล้วเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนน้อย ข้อมูลเอกสารเยอะ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน เพียงแต่ขาดการสื่อสารประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากับชาวบ้านให้เข้าใจ อีกเรื่องที่อยากฝากให้ตรวจสอบ คือ เงิน 600,000 บาท ที่ได้มาจาก พอช. เพื่อสร้างบ้านชั่วคราว แต่ทำไมสร้างได้แค่นี้ สภาพแคมป์คนงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องมีส่วนของพอช.มาเกี่ยวข้องด้วย
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องหลายส่วน และต้องไล่ตั้งแต่การออมทรัพย์ไปซื้อที่ดิน และออมทรัพย์เพื่อที่จะสร้างบ้าน เรื่องนี้มันพัวพันไปถึงหน่วยงานรัฐอีก 2 หน่วย ทั้ง พมจ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ และมีทั้งสมาชิกสหกรณ์ที่ลาออกไม่ได้เงิน และยังไม่ลาออก
จากการตรวจสอบบัญชีตัวเลขยังไม่ชัดเจน เงินที่ชาวบ้านรวมกันมา 3 ปี ประมาณ 8 ล้าน จ่ายค่าที่ดิน 4 ล้าน และถูกอายัดไว้ 1.2 ล้าน หายไป 2 ล้านกว่าบาท ต้องไล่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น มีแฟนของประธานโครงการที่ถือบัญชีธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เรื่องนี้หลายขั้นตอนมาก ทั้งการเปิดสหกรณ์ การจ่ายเงินสหกรณ์ ทางสหกรณ์จะตั้งคณะกรรมการมาสอบสวน และในส่วนของพนักงานสอบสวน ถ้าเงิน 2 ล้านหายไป โดยไม่มีที่มาจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ (ตัวเลขโดยประมาณ 2,465,000 บาท) ประเด็นซื้อบ้านไม่ได้บ้าน ปัญหาคือซื้อที่ดินได้หรือยัง จ่ายเงินหมดหรือยัง พอช.จะลงมาดูเรื่อง และสหกรณ์จะเข้ามาดำเนินคดีร่วมกับ สภ.บางบัวทอง ไล่ทุกบัญชี การชำระเงินสหกรณ์ต้องชำระกับสหกรณ์ มีหลายท่านเข้าไปชำระกับบุคคลภายนอก 6 เดือน ที่ผ่านมา เอกสารหนามาก หัวหน้างานสอบสวนจะตั้งพนักงานสอบสวนไล่สอบพยานทุกวันเพื่อให้รวดเร็ว และรายงานจังหวัด ร้องขอเพื่อตั้งทีมพนักงานสอบสวนเพิ่ม
จำนวนพนักงานสอบสวนที่นี่ไม่เพียงพอเป็นส่วนหนึ่ง และเนื้อหาของคดีเยอะ พยานเยอะ ผู้เสียหายเยอะ ต้องให้สหกรณ์จังหวัดเข้ามาช่วย เพราะทางพนักงานสอบสวนจะไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ส่วนเรื่องบ้านทางพัฒนาสังคมจะเข้ามาดูแล เอาคณะกรรมการมารวมกันเพื่อพิสูจน์ทางอาญา แต่ละหน่วยงานจะเข้ามาร่วมประชุม ตั้งคณะกรรมการมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง และหาว่าจำนวนเงินที่หายไป หายไปด้วยวิธีใด และมีการสอบคณะกรรมการชุดใหม่ ส่วนคณะกรรมการชุดเก่าจะสอบเพิ่มเติม ว่า มีส่วนรู้เห็นยังไงบ้าง มีบุคคลภายนอกเข้ามาเปิดบัญชีรับเงิน ผิดกฎหมายของสหกรณ์ ถ้ามีการหลอกลวงมาตั้งแต่ต้นจะกลายเป็นข้อหาฉ้อโกง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการสอบปากคำ 2-3 ราย จำนวนการออมเงินฝากไม่เท่ากัน เรื่องเอกสารมันค่อนข้างเยอะ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน และมีเงินหายไปจากผู้มีอำนาจรักษาเงิน จึงจะตั้งข้อหายักยอก แต่ถ้าโกงมาแต่ต้นคือจะถือว่าเป็นการร่วมกันฉ้อโกง ระยะเวลาอีกน่าจะเป็นเดือน เพราะรอสหกรณ์ตรวจสอบ ทุกอย่างมีขั้นตอน ขอยืนยันว่าเราให้ความเป็นธรรมและจะดำเนินคดีต่อคนที่กระทำความผิด