อุบลราชธานี - พลังงานจับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทบถึงไทย ส่วนรัฐบาลใหม่ลดค่าน้ำมันต้องดูลดได้ส่วนไหน กองทุนน้ำมันจับตาภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันมากแค่น้อยแค่ไหน แต่น่ายินดีราคาน้ำมันปีนี้ไม่สวิงมากเหมือนตอนเริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ที่โรงแรมเซ็นทารา อ.เมืองอุบลราชธานี นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมคณะพบปะแลกเปลี่ยนสถานการณ์ด้านพลังงานกับกลุ่มหอการค้า สำนักงานพลังงาน และสื่อมวลชนอีสานตอนล่าง เรื่องพลังงานเชื้อเพลิง ที่โรงแรมเซ็นทารา อ.เมืองอุบลราชธานี
โดยระบุว่าครึ่งปีหลังถึงต้นปีนี้กองทุนน้ำมันมีแนวโน้มเก็บค่าชดเชยพลังงานที่เข้าไปอุดหนุนตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก จนกองทุนน้ำมันที่รัฐบาลให้เข้าไปอุดหนุนราคาไม่ให้สูงกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ทำให้กองทุนติดลบมากถึงกว่า 1.3 แสนล้านบาท แต่มาถึงเวลานี้กองทุนสามารถเก็บเงินเข้าคืนกองทุนได้แล้ว ทำให้เหลือติดลบลดลงอยู่กว่า 72,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถ้าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงจะสามารถเก็บเงินที่ใช้อุดหนุนไปก่อนหน้านี้กลับคืนเข้ากองทุนได้เรื่อยๆ
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวถึงสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงขณะนี้ไม่ผันผวนเหมือนปีที่แล้ว ที่สูงสุด 135 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปีนี้อยู่ 90 เหรียญกว่าๆ จึงเป็นราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้กองทุนได้เงินตรงนี้มาเสริมสภาพคล่องจากเคยติดลบกว่า 1.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันติดลบเหลือเพียง 70,000 ล้านบาทเศษ ปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ในแนว 88-90 เหรียญสหรัฐ น้ำมันดูไบอยู่ที่ 73 เหรียญเศษๆ เป็นค่าเฉลี่ยทั้งปีนี้ ราคาจึงไม่ดุดันเหมือนปีที่ผ่านมา
ส่วนที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันมีราคาต้นทุนที่ 21 บาทต่อลิตร การลดราคาน้ำมันจึงต้องมีการถอดเอาภาษีท้องถิ่น ภาษีสรรพสามิต ให้เหลือค่าการตลาดให้ผู้ประกอบการดำเนินงานต่อไป ก็จะเหลือลิตรละ 25 บาท จากประมาณ 32 บาท แต่ประเทศจะขาดรายได้ภาษีที่หายไป ส่วนจะมาเอาจากเงินกองทุนน้ำมันที่เก็บเข้ากองทุนอยู่ตอนนี้ 5.23 บาท ซึ่งกองทุนก็มีภาระต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ก็ต้องมาดูเรื่องวินัยการเงินการคลังด้วย เพราะจะทำให้เจ้าหนี้ไม่ซื้อน้ำมันมากลั่นขายให้ เหมือนอย่างประเทศเนปาล หรือลาว ที่มีปัญหาเรื่องน้ำมันภายในประเทศขาดแคลน
ด้านนายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวถึงภาวะสงครามและเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีผลต่อราคาน้ำมันแบบสวนทาง คือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง แต่เรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เรื่องหนี้สินจะเป็นตัวทำให้ราคาน้ำมันลดลง ขณะนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่คาดว่า 4 มิ.ย.โอเปกอาจมีการปรับกำลังผลิตลง จะทำให้ราคาน้ำมันกลับมาขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้ต้องติดตามดูสถานการณ์เป็นรายวัน “วันที่ 1 มิ.ย.สหรัฐฯ จะใช้หนี้ได้หรือไม่ จะมีการผิดนัดการชำระหนี้หรือไม่ ส่วนวันที่ 4 มิ.ย. กลุ่มโอเปกจะลดกำลังผลิตหรือไม่ ต้องติดตามดูผลกระทบเป็นรายวัน” เรื่องสงครามก็คงยังไม่จบลงง่ายๆ ซึ่งคนไทยปรับตัวรับมือกับราคาน้ำมันได้แล้ว มีการใช้เครื่องยนต์รถให้ถูกประเภท และการประหยัดในการใช้น้ำมัน
และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติมาตรา 26 เรื่องการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ใครก็ตามที่มาเป็นรัฐบาลใหม่ กองทุนน้ำมันต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562