xs
xsm
sm
md
lg

น้ำตาตกกันเป็นแถว! มะม่วงราคาดิ่งสุดรอบ 30 ปี ชาวสวนลานสักจำใจโค่นทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทัยธานี - เกษตรกรชาวสวนมะม่วงแปลงใหญ่ ลานสัก เมืองอุทัย น้ำตาตกกันเป็นแถว...จากเคยส่งออกสร้างรายได้หลักล้าน ราคามะม่วงดิ่งลงต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด จนปีนี้เหลือแค่กิโลฯ ละ 2-5 บาท ไม่มีทุนจ้างคนสอย ปล่อยให้เก็บฟรีไม่มีคนเอา จำใจโค่นทิ้งเตรียมทำไร่แทน


ขณะนี้ชาวสวนมะม่วง ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก หลายรายพากันทยอยโค่นต้นมะม่วงที่ปลูกกันไว้ออกทิ้งทั้งสวน หลังประสบปัญหาราคามะม่วงตกต่ำสุดในรอบ 30 ปี จากที่เคยราคาดี มีมูลค่าส่งออกกันปีละหลายสิบล้านบาท ก่อนที่ราคาจะลดต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งปีนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2-5 บาทเท่านั้น ทำให้ชาวสวนมะม่วงหลายรายเริ่มถอดใจ เตรียมโละสวนหันไปเปลี่ยนปลูกพืชไร่ที่ให้ราคาสูงกันแทน

นางอำไพ พงศ์พานิช อายุ 63 ปี หนึ่งในชาวสวนมะม่วง บ้านชายเขา หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก ซึ่งมีสวนมะม่วงอยู่จำนวนกว่า 100 ไร่ เปิดเผยว่าที่บ้านชายเขามีชาวสวนมะม่วงรวมกลุ่มกันกว่า 30 ราย เป็นเกษตรกรแปลงใหญ่ รวมพื้นที่สวนมะม่วงกว่า 600 ไร่ ตอนนี้กำลังประสบปัญหาราคามะม่วงทุกสายพันธุ์ทั้งมหาชนก ทองดำ โชคอนันต์ และน้ำดอกไม้ ต่างมีราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่องหลายปี ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด


กระทั่งปีนี้ถือว่าราคามะม่วงตกต่ำหนักที่สุด เพราะเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2-5 บาทเท่านั้น ทำให้เกษตรกรชาวสวนมะม่วงทุกรายขาดทุนกันอย่างหนัก ไม่สามารถที่จะจ้างคนงานมาสอยมะม่วงไปขายได้ ต้องปล่อยมะม่วงในสวนทิ้ง และประกาศให้ชาวบ้านมาเก็บลูกสวยๆ ที่ต้นกันไปฟรีๆ เพื่อเอาไปรับประทานหรือทำส้มแผ่นขายกัน

แต่ก็มีชาวบ้านมาเก็บน้อย เพราะทุกสวนต่างก็ต้องปล่อยให้เก็บกัน พอไม่มีใครมาเก็บมะม่วงก็เน่า หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเป็นการสะสมเชื้อโรค เราก็จำเป็นต้องจ้างคนงานมาเก็บมะม่วงไปทิ้ง สุดท้ายก็ต้องจำใจจ้างคนงานมาตัดโค่นต้นมะม่วงทิ้งด้วย เพื่อเตรียมปรับพื้นที่ไปปลูกพืชชนิดอื่นอย่าง ข้าวโพด มันสำปะหลัง ที่ให้ราคาดีกว่า


นางอำไพกล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาเคยขายมะม่วงได้ถึงกิโลกรัมละ 30-40 บาท แต่ปีนี้ราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2-5 บาท จนตอนนี้ก็ไม่มีใครมารับซื้อเลย อีกทั้งก่อนหน้านี้มะม่วงบ้านชายเขา และบ้านห้วยโศก หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสักนั้น ถือเป็นสวนมะม่วงที่ขึ้นชื่อและปลูกกันจำนวนมาก เป็นมะม่วงส่งออกต่างประเทศ สร้างรายได้รวมปีละหลายสิบล้านบาท แต่ตอนนี้ไม่เป็นเหมือนที่ผ่านมา และหากปล่อยไว้แบบนี้ ต้นมะม่วงก็ไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไรเลย จึงจำเป็นต้องโค่นทิ้งเพื่อปลูกพืชทดแทน

“ตอนนี้ชาวสวนมะม่วงไม่สามารถแบกภาระต้นทุนค่าดูแล ไม่ว่าจะเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าสารเคมี ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนหลักแสนบาท แต่เก็บมะม่วงขายได้ไม่ถึง 5 หมื่นบาท โดยตอนนี้พื้นที่สวนมะม่วงของฉัน 100 ไร่ ปีนี้จะโค่นทิ้งประมาณ 30 ไร่ เพื่อปลูกพืชทดแทนให้ครอบครัวมีรายได้ ซึ่งชาวสวนรายอื่นๆ ก็เริ่มทยอยโค่นต้นกันแล้วเหมือนกัน”




กำลังโหลดความคิดเห็น