เชียงใหม่ - ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เชียงใหม่ติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 17 จังหวัดภาคเหนือ สั่งการดูแลเฝ้าระวังเข้มข้น ยอมรับห่วงสถานการณ์ยืดเยื้อไปถึงช่วงหลังสงกรานต์ เผยนัดตั้งโต๊ะ 7 เม.ย. 66 ล้อมวง 3 ประเทศ ทั้งไทย ลาว และพม่า ถกจริงจังแก้ปัญหาเผาและฝุ่นควันข้ามแดน
วันนี้ (4 เม.ย. 66) ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ทส.ส่วนหน้า ภาคเหนือ) จ.เชียงใหม่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า และหมอกควันของภาคเหนือ โดยได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และ PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมพร้อมกับหัวหน้าหน่วยทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ทาง VDO Conference โดยให้แต่ละพื้นที่รายงานสถานการณ์รวมทั้งแนวทางในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในแต่ละพื้นที่
ปลัดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วนของแต่ละจังหวัดทั้ง 17 วันนี้ได้มากำชับการทำงานของทุกภาคส่วน แต่ภาพรวมแล้วส่วนใหญ่ไฟป่า และจุดความร้อนลดลง แต่ยังส่งผลกระทบเรื่องหมอกควันกับประชาชนในพื้นที่อยู่ ทั้งส่วนของในประเทศไทยเอง และปัญหาเรื่องของหมอกควันข้ามประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของ 17 จังหวัดภาคเหนือวันนี้ก็ได้เน้นย้ำเรื่องของพื้นที่ไหนที่มีการเผาเป็นประจำที่มีตัวเลขว่าจะมีการเผา ก็จะต้องเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาก็ต้องเน้นย้ำเรื่องของความร่วมมือของพี่น้องประชาชนช่วยเหลือกันให้เต็มที่ ที่สิ่งที่ห่วงมากตอนนี้คือเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน จากที่เคยเตรียมเเผนไว้ว่าเดือนเมษายนหลังสงกรานต์สถานการณ์จะดีขึ้นจากพายุฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้น แต่ปีนี้พบว่าฝนอาจจะล่าช้าก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อออกไปอีกจนถึงเดือนพฤษภาคม จึงต้องมีแผนสองในการเตรียมการรับมือหากสถานการณ์จะยืดเยื้อออกไปอีก ก็ได้ให้การบ้านแต่ละพื้นที่ไปวางแผนเตรียมการรับมือด้วย
ขณะที่ปัญหาหมอกควันข้ามประเทศนั้น ปกติจะมีการพูดคุยกับระดับอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว ว่าจะมีการตั้งเป้าในการลดจุดความร้อนร่วมกันในแต่ละปีปีละกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เมื่อวานนี้จึงได้คุยกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อประสานที่จะพูดคุยกันระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย พม่า และลาว ในเวลา 14.00 น. วันศุกร์ที่ 7 เมษายนนี้ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็จะคุยกับในระดับประเทศของเราให้ครบทุกพื้นที่เพื่อเตรียมข้อมูล และปัญหาที่จะไปคุยกัน หลังจากที่คุยกันระหว่าง 3 ประเทศในระดับเจ้ากระทรวงของทั้ง 3 ประเทศแล้ว หากประสบผลสำเร็จก็จะยกระดับขึ้นไปพูดคุยในระดับอาเซียนเพื่อขานรับความร่วมมือกัน
แต่เงื่อนไขปัญหาของแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน อย่างพม่าก็มีปัญหาเรื่องของการสู้รบของชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ชายแดน การเข้าไปดับไฟป่าก็เป็นการยาก ส่วนทางประเทศลาวเองก็จะมีปัญหาเรื่องของการเกษตร ในระบบคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง เรื่องของการเผาจากการเกษตร จึงจะต้องแก้ไขปัญหาทั้งระบบ การพูดคุยครั้งนี้ต้องนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน ซึ่งเชื่อว่าก็จะมีความร่วมมือที่ดีขึ้น
พร้อมกันนี้ทางด้าน นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำหน้ากากอนามัยชนิด N95 จำนวน 1 หมื่นชิ้นมามอบแก่ทางศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่หน้างานที่ปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าเพื่อให้ป้องกันตัวจากฝุ่นควันในขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังจากนั้นคณะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปตรวจสถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อุทยานแห่งชาติศรีลานนา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อุทยานแห่งชาติผาแดง