เชียงใหม่ - สถานการณ์ไฟป่าของเชียงใหม่หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย โดยอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เช้านี้ไม่พบจุดความร้อนแล้ว ส่วนที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ลดลงจาก 30 เหลือ 8 จุด บางจุดเดินเท้า 8 ชั่วโมงยังไม่ถึงหัวไฟ ส่วนที่ดอยนาง ติดดอยหลวงเชียงดาววันนี้เตรียมวางแผนประสาน ฮ. ปภ.เข้าช่วย พร้อมทั้งจัดชุดลาดตระเวนจุดเปราะบางทั้งดอยสุเทพ และดอยหลวงเชียงดาว ย้ำประชาชนให้ความร่วมมือ ตอนนี้โทษเผาป่าหนักสุดปรับ 4 แสนถึง 2 ล้าน จำคุก 4-20 ปี
วันนี้ (4 เม.ย. 66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่าสถานการณ์ไฟป่าหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับแล้ว ล่าสุด นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เช้านี้สถานการณ์ไฟป่าของเชียงใหม่ดีขึ้นเกือบทุกพื้นที่ เริ่มจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สามารถควบคุมได้หมดแล้ว เช้านี้ไม่มีรายงานการพบจุดความร้อนหรือจุดฮอตสปอต แต่ยังต้องเฝ้าระวังเนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบาง โดยประสานกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.33 จำนวน 50 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลาดตระเวนตลอดทั้งแนวป่าเพื่อไม่ให้ใครสามารถลักลอบเข้าไปเผา รวมทั้งเฝ้าระวังจุดที่เคยเกิดไฟป่าอาจจะปะทุขึ้นมาได้ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ทำแนวกันไฟจุดเสี่ยง
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา บริเวณเหนือเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ซึ่งเป็นพื้นที่ป่ากว้างกินพื้นที่รอยต่อของ 3 อำเภอทั้งอำเภอแม่แตง อ.พร้าว อ.เชียงดาว เมื่อวานนี้พบไฟป่า 30 จุด เร่งส่งกำลังเข้าดับไฟเช้านี้เหลืออีก 8 จุดด้วยกันที่ยังต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟ แต่มีบางจุดที่อยู่ในป่าลึก ต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปได้อย่างเดียว เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงยังไม่สามารถเข้าถึงจุดที่เป็นหัวไฟได้ ในวันนี้อาจจะสามารถถึงเป้าและเริ่มดับไฟได้ โดยรวมแล้วสามารถควบคุมได้เกือบทั้งหมด
ส่วนอีกจุดเปราะบางที่น่าห่วงคือพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว บริเวณดอยนาง ที่ยังเกิดไฟป่าอยู่แม้จะส่งกำลังเข้าดับไฟแต่บางจุดอยู่ในพื้นที่ลึกหน้าผาสูงชัน วันนี้เตรียมวางแผนอาจจะประสานขอ ฮ.ของปภ.เข้าร่วมดับไฟ แต่ต้องหาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีความลึกมากกว่า 5 เมตรเพื่อเป็นจุดเติมน้ำให้ ฮ.เข้าดับไฟร่วมกับภาคพื้นดิน นอกจากนี้ยังเป็นอีกจุดที่ต้องจัดชุดลาดตระเวนอย่างเข้มข้นเนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบางทางระบบนิเวศ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนัก 16 ฝากย้ำขอวิงวอนสำหรับคนที่ไม่หวังดีลักลอบเผาป่า ขอความร่วมมือสร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยยังไม่อยากใช้ข้อกฎหมายดำเนินการอย่างเดียว เพราะตอนนี้ พ.ร.บ.อุทยานฯ โดยของผู้ที่เผาป่านั้นค่อนข้างหนัก ค่าปรับสูงมาก 4 แสนถึง 2 ล้านบาท หรือโทษจำคุก 4-20 ปี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากใช้เพราะหากถูกจับกุมและดำเนินคดีได้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน ที่ผ่านมามีตัวอย่างแล้วที่เชียงราย จับมือเผาป่าหาตัวต่อ ถูกจับดำเนินคดีปรับขั้นต่ำไปแล้ว 4 แสนบาท ด้วย จึงอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนได้ตระหนักมากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย
วันนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นในขณะนี้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อุทยานแห่งชาติศรีลานนา อุทยานแห่งชาติผาแดง และเขตรักษาพันธุ์สัตวป่าเชียงดาว