เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ ยอมรับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันมลพิษอากาศเชียงใหม่รุนแรงเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลกระทบคนเชียงใหม่ทั้งหมดกว่า 2 ล้านคนมากน้อยแตกต่างกันไป แจงเหตุผลไม่ประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เนื่องจากยกระดับมาตรการให้ความช่วยเหลือดูแลเต็มที่และดียิ่งกว่าแล้ว ยืนยันห่วงใยสุขภาพประชาชนมากกว่าเรื่องอื่น เบื้องต้นเตรียมพร้อมหน้ากาก N95 จำนวน 600,000 ชิ้น เร่งแจกจ่ายทั้ง 25 อำเภอ ให้คนใช้สวมใส่ป้องกันตัว ชี้ต้นตอปัญหาหลักมาจากฝุ่นควันข้ามแดน มั่นใจสถานการณ์คลี่คลายก่อนสงกรานต์
วันนี้ (30 มี.ค. 66) ที่บริเวณพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ตรงข้ามลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิวัฒน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับนายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ แจกจ่ายหน้ากากอนามัย N95 ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ให้แก่ประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง เพื่อใช้สวมใส่ดูแลสุขภาพป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์มลพิษอากาศและฝุ่นควันที่รุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ซึ่งมีประชาชนและตัวแทนจากชุมชนต่างๆ เข้ารับแจกหน้ากากคนละ 1 ชิ้น เป็นจำนวนมาก โดยเบื้องต้นในส่วนของเทศบาลนครเชียงใหม่จัดเตรียมหน้ากากไว้ทั้งสิ้น 100,000 ชิ้นเพื่อแจกจ่าย ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่าเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่มีกลุ่มเสี่ยงและเปราะบางที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นลำดับต้นๆ ประมาณ 32,000 คน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก จังหวัดเชียงใหม่ (ศชฝ.ชม.) ซึ่งระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐ, เอกชน, วิชาการ และภาคประชาชนอย่างสภาลมหายใจเชียงใหม่ เพื่อยกระดับการปกป้องดูแลสุขภาพ และช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นมาตรการที่เข้มข้นเทียบเท่าการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องประกาศดังกล่าว และยืนยันว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้ห่วงในเรื่องภาพลักษณ์หรือผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวมากกว่าผลกระทบสุขภาพของประชาชนแต่อย่างใด และไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยในส่วนของหน้ากากอนามัยแบบ N95 นั้น เบื้องต้นมีการจัดเตรียมไว้ 600,000 ชิ้นเพื่อแจกจ่ายครอบคลุมทั้ง 25 อำเภอ และจะจัดหาเพิ่มเติมให้อีกจนเพียงพอต่อความต้องการ พร้อมทั้งสั่งการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดีเพื่อดูแลประชาชนกรณีเจ็บป่วย
สำหรับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันและมลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยอมรับว่าเวลานี้มีความรุนแรงอยู่ในขั้นวิกฤต และส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนทั้งหมด 2 ล้านกว่าคนใน 25 อำเภอ แต่ความรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เพราะด้วยมาตรการที่ดำเนินการอยู่เข้มข้นเพียงพอและมีการดูแลให้การช่วยเหลือเทียบเท่าอยู่แล้ว รวมทั้งกำลังเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด และน่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาอีกไม่นานนี้แล้ว มั่นใจว่าก่อนถึงช่วงสงกรานต์ ทั้งนี้ย้ำว่าสถานการณ์ปัญหาที่รุนแรงขึ้นนั้น ปัจจัยหลักเนื่องมาจากฝุ่นควันที่ถูกพัดพามาจากพื้นที่ใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้ถึงแม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะสามารถควบคุมการเผาและจุดความร้อนได้ดีแล้ว แต่ยังเกิดปัญหาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่เกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้นมาก จากไฟไหม้ป่าในพื้นที่อำเภอเชียงดาว และอำเภอแม่อาย ที่เป็นเขตรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน และมีไฟที่ลุกลามเข้ามา ซึ่งกำลังระดมเจ้าหน้าที่เข้าทำการดับไฟให้ได้โดยเร็ว ขณะที่ในช่วงคืนที่ผ่านมาพบไฟไหม้ป่าในเขตตำบลน้ำแพร่และตำบลบ้านปง อำเภอหางดง ซึ่งสามารถดับไฟได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่พบความผิดปกติที่จุดดังกล่าวมีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นซ้ำติดต่อกันถึง 3 ครั้งแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นความตั้งใจเผาของผู้ไม่หวังดี และอยากให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่อง พร้อมแจ้งเบาะแส หากสามารถทำการจับกุมดำเนินคดีได้มีรางวัลนำจับให้รายละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ย้ำว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกคนกรณีปัญหาฝุ่นควันและคุณภาพอากาศที่เกิดขึ้นนี้ แต่อยากขอร้องว่าอย่าด่ากันเลย เพราะการด่าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหรือทำให้อะไรดีขึ้น ทั้งนี้ หากมีข้อเสนอแนะใดๆ ยินดีรับฟังเสมอ และพร้อมดำเนินการให้ทันทีหากเป็นประโยชน์