บุรีรัมย์ - หญิงวัย 39 ชาวบุรีรัมย์ไปคลอดลูกที่ รพ.ถูกตัดขาขวาเสียชีวิตแล้ว แม่รับไม่ได้ร่ำไห้แทบขาดใจบอกลูกแข็งแรงดีทุกอย่างไม่มีโรคประจำตัว คาใจหากไม่มีแรงเบ่งทำไมไม่ผ่าตัด สามีอุ้มลูกน้อยบอกอยากได้ชีวิตเมียคืนมา แค่พิการยังพอรับได้แต่ต้องสูญเสียเมียทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าลูก วอนเยียวยาเพราะลูก 5 คนต้องกำพร้าแม่ ด้าน ผอ.รพ.ยันรักษาตามมาตรฐานและแจ้งญาติทุกขั้นตอน พร้อมเยียวยาตามสิทธิ
วันนี้ (29 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่น้องสาวคนหนึ่งได้โพสต์ติ๊กต็อกระบายความรู้สึก เพราะคาใจกรณีที่พี่สาวท้อง 9 เดือนไปคลอดที่ รพ.แต่สุดท้ายกลับถูกตัดขา โดยระบุข้อความว่า “พี่เราเองค่ะ เขาอายุ 39 ปี ท้อง 9 เดือน เขาปกติทุกอย่าง พอหมอนัดคลอดเขาก็ไปตามนัดรอคลอดปกติ แต่เขาไม่ได้ปวดท้องหมอเลยทำการเหน็บยา แต่เขาไม่มีแรงเบ่ง ระหว่างที่หมอทำคลอดเขาหมดสติ หมอเลยดูดลูกออกจนมดลูกพี่เราฉีก ตกเลือดหนักมากจนช็อกหมดลมหายใจต่อหน้าน้องสาว เราที่พาไปคลอด หมอทำการปั๊มหัวใจ ต่อมาเขาก็โดนตัดขา เพราะอะไรเราก็ไม่รู้ เราจะไปเรียกร้องความยุติธรรมจากใครได้บ้างคะ” หลังคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์มีคนเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก บางคนให้กำลังใจครอบครัว บางคนแสดงความเห็นในเชิงตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่ใช้วิธีผ่าตัดเพราะคนที่ตั้งครรภ์อายุมากแล้ว
ล่าสุดวันนี้ น.ส.วัฒนาพร สายวัน อายุ 39 ปี หญิงที่มาคลอดที่ รพ.บุรีรัมย์แล้วถูกตัดขาข้างขวาได้เสียชีวิตแล้วด้วยอาการเลือดออดในกระเพาะอาหารและมีภาวะอื่นแทรกซ้อนร่วมด้วย สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ครอบครัวและญาติ และเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (29 มี.ค.) น.ส.รจนา สะตะ อายุ 42 ปี พี่สาวคนโต ได้เดินทางมาติดต่อรับศพ น.ส.วัฒนาพร น้องสาวที่เสียชีวิตที่อาคารพักศพ รพ.บุรีรัมย์ ซึ่งทาง รพ.ได้อำนวยความสะดวกเรื่องเอกสาร พร้อมทั้งนำรถตู้ของทาง รพ.ไปส่งร่างผู้เสียชีวิตที่บ้านสามศิลา ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ของทาง รพ.ร่วมเดินทางไปส่งร่างผู้เสียชีวิตด้วย
ทันทีที่ศพไปถึงบ้านครอบครัวญาติพี่น้องต่างก็ร้องไห้ระงม โดยเฉพาะนางนอม สายวัน อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ร้องไห้แทบขาดใจที่สูญเสียลูกสาว โดยได้ร้องไห้กอดโลงที่บรรจุร่างไร้วิญญาณของลูกสาวตลอดเวลา โดยนางนอมบอกว่า ลูกสาวเป็นคนร่างกายแข็งแรงทำงานหนักตลอด มีลูกมาแล้ว 4 คน ที่คลอดล่าสุดเป็นคนที่ 5 ก่อนจะเดินทางไปคลอดลูกก็ยังนั่งกินข้าวกับแม่ ก่อนบอกว่าเดี๋ยวจะไปคลอดที่ รพ. วันนั้นลูกสาวแต่งตัวสวยเพื่อเตรียมตัวจะไปคลอด จากนั้นก็ไปกับน้องสาวที่ รพ.คูเมือง ก่อนจะถูกส่งต่อไป รพ.บุรีรัมย์ เพราะหมอวิเคราะห์ว่าอายุครรภ์เกินกำหนดและอายุมากแล้ว
กระทั่งมาทราบทีหลังว่าต้องดูดเอาลูกออกเพราะไม่มีแรงเบ่ง ต่อมาก็ถูกตัดขาเพราะเลือดไม่ไหลไปเลี้ยงขา จนสุดท้ายเสียชีวิต ก็รับไม่ได้เพราะก่อนไปลูกแข็งแรงดีไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย ตอนนี้คาใจเรื่องที่ทาง รพ.ทำไมไม่เลือกผ่าตัดทำไมถึงดูดเอาเด็กออกจนทำให้ลูกมีอาการตกเลือดและมีภาวะอื่นแทรกซ้อนจนเสียชีวิต พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่าไม่มีอะไรจะทดแทนชีวิตลูกสาวได้ แต่ไม่รู้จะไปเรียกร้องอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทาง รพ.จะดูแล
ด้านนายมาย อายุ 29 ปี สามีผู้ตาย ได้อุ้มลูกน้อยวัยเพียงเดือนเศษมารอรับร่างไร้วิญญาณของภรรยา บอกว่า ตอนนี้ยังคาใจว่าถ้าหมอรู้ว่าคนไข้ไม่มีแรงเบ่งทำไมเขาไม่ผ่าตัดให้ ถ้าใช้วิธีผ่าตัดภรรยาอาจจะไม่ถึงกับเสียชีวิตก็ได้ นายมายยังกล่าวทั้งน้ำตาว่า ถ้าภรรยาแค่ถูกตัดขาเป็นคนพิการตนเองรับได้ก็จะดูแลภรรยากับลูกไปอย่างดีแม้จะลำบากก็ตาม แต่นี่เขาต้องมาจากไปทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าลูกและลูกยังไม่ได้เห็นหน้าแม่เลย หากเป็นไปได้ก็อยากให้ชีวิตภรรยากลับคืน
ด้าน นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผอ.รพ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นพ.อนันต์ มุ่งเจริญสันติกุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม รพ.บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงขั้นตอนการทำคลอด และดูแลรักษาผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยถูกรีเฟอร์มาจาก รพ.คูเมือง วันที่ 17 ก.พ. 66 มายัง รพ.บุรีรัมย์ ด้วยเรื่องอายุครรภ์เกินกำหนดคือ 40 สัปดาห์ 2 วัน ประกอบกับอายุมาก แต่ไม่เจ็บท้องคลอด ลูกดิ้นดี แต่ปากมดลูกไม่เปิด
จากนั้นเวลา 23.10 น.หมอจึงเหน็บยาเร่งเพื่อกระตุ้นให้คลอดในตอนเช้า ต่อมาเวลา 08.30 น. วันที่ 18 ก.พ.มีอาการเจ็บครรภ์ห่าง แต่ปากมดลูกไม่เปิดเพิ่ม จึงให้ยากระตุ้นคลอดเพิ่ม 12.30 น. มารดาเบ่งคลอดเอง 40 นาทีหมดแรงเบ่ง หมอจึงพิจารณาใช้อุปกรณ์ช่วยทำคลอดด้วยการดูดทารกออก เวลา 12.42 น. คลอดทารกเป็นเพศชายน้ำหนัก 3,350 กก. ปกติดี
หลังจากดูดทารกออกมารดามีอาการมดลูกหดรัดตัวไม่ดี และมีอาการอ่อนเพลีย มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด หมอจึงให้เลือด และทำการผ่าตัดรักษาพบมดลูกฉีกขาดตำแหน่งเส้นเลือด จึงผ่าตัดรักษาตามขั้นตอน ซึ่งได้แจ้งให้ญาติทราบตลอด ขณะรักษาในห้องไอซียู พบภาวะแทรกซ้อนไตวายเฉียบพลัน และเลือดไม่แข็งตัว มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายไม่ดี เกิดปลายเท้าเขียวคล้ำ และมีภาวะติดเชื้อ ตรวจพบเนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยงตั้งแต่เข่าลงไปทำให้ต้องตัดขาขวาเหนือเข่า วันที่ 21 ก.พ. 66 เพื่อรักษาชีวิตคนไข้ ซึ่งได้แจ้งญาติทราบตลอดการรักษา
หลังตัดขาก็รักษาตัวในห้องไอซียูตลอด อาการดีขึ้นบ้างทรุดบ้างเนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างทั้งเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง กระทั่งเวลา 02.25 น. วันนี้ 29 มี.ค. 66 คนไข้ได้เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร และภาวะอื่นแทรกซ้อนด้วย
แต่ยืนยันว่าทาง รพ.ทำการรักษาตามหลักการมาตรฐาน และแจ้งขั้นตอนการรักษาให้ญาติทราบตลอด ส่วนที่ญาติติดใจกรณีที่หมอใช้วิธีดูดทารกออก ทำไมไม่ใช้วิธีการผ่าตัดเอาเด็กออกแทนนั้น เป็นช่วงวิกฤตเร่งด่วนหมอได้พิจารณาตามอาการ เพื่อช่วยทั้งแม่และเด็กให้ปลอดภัย แต่มารดามีอาการตกเลือดมากซึ่งสามารถเกิดได้กับหญิงทุกคนที่คลอดตอนอายุมาก
กรณีที่เกิดการสูญเสียทาง รพ.เสียใจกับทางครอบครัวและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น จะดูแลเยียวยาตามสิทธิอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงที่มารดาอาการหนักทางหมอ พยาบาลก็ช่วยกันดูแลเด็กตลอดทั้งนม และผ้าอ้อมอนามัยก็ออกเงินกันซื้อเพราะสงสารครอบครัว