xs
xsm
sm
md
lg

โต้เดือด! MBAC โคราชลั่นไม่เคยคิดปิดวิทยาลัยเหตุ นศ.น้อย ชี้พอใจรัฐอุดหนุนปีละ 10 ล้าน ยันเดินหน้าพัฒนาสู่สากล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ หรือ MBAC โคราชออกโรงโต้เดือดสื่อเสนอข้อมูลบิดเบือน ไม่เคยคิดปิดสถานศึกษาเหตุเพราะนักศึกษาน้อย ชี้พอใจรัฐอุดหนุนปีละกว่า 10 ล้าน พร้อมเดินหน้าพัฒนาโรงเรียนให้ทุกฝ่ายยอมรับ ล่าสุดส่งนักศึกษาโกอินเตอร์ญี่ปุ่นแล้ว 30 คน ย้ำยืนยันเดินหน้าพัฒนาการศึกษาสู่สากล รองรับโลกยุคใหม่

วันนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว "วิกฤตโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศขาดงบประมาณ จ่อปิดตัวลงหลายแห่ง" ผ่านสื่อมวลชนทีวีช่องหนึ่งโดยใช้ภาพของทางวิทยาลัยฯ ประกอบข่าวและนำเสนอคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงของทางวิทยาลัยฯ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียง ของวิทยาลัยฯ นั้น


ล่าสุดวันนี้ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ ชุมชนบ้านพักรถไฟ อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ นำโดย ดร.สมยศ ชิณโคตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ชินโคตร รอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและความร่วมมือฯ และนายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีต ผอ.สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ผอ.สช.) ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


ดร.สมยศ ชิณโคตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ หรือ MBAC ยังคงมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีผลประกอบการและงบประมาณที่เพียงพอ สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยได้รับงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาจากภาครัฐ และจากค่าเทอมของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษาทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส. จำนวนเกือบ 1,000 คน ซึ่งเพียงพอในการบริหารจัดการวิทยาลัยฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพรวมสถานศึกษาเอกชนมีนักเรียนลดลงตนคิดว่าน่าจะเกิดจากเด็กเยาวชนมีอัตราการเกิดลดลงก็คือเด็กเกิดน้อย แต่ว่าโรงเรียนเอกชนทุกโรงก็พยายามที่จะพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ อย่างวิทยาลัยฯ ของเราก็ลดลงแต่ไม่มาก เรายังยืนยันว่าเราเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพ เพราะเราเองได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน 3 ปีต่อเนื่องและรางวัลโล่พระราชทาน และยังเป็นสถานศึกษาคุณธรรมต้นแบบจากศูนย์คุณธรรม สำนักงานวัฒนธรรม จ.นครราชสีมา อันนี้ถือเป็นการยืนยันว่าสถานศึกษาของเรามีคุณภาพ โดยใช้คุณธรรม จริยธรรมพัฒนานักเรียนลูกๆ ของเราที่เป็นเสมือนบุคคลในครอบครัวให้เป็นคนดี คนเก่ง และพร้อมที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข


วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจเราเปิดมาย่างเข้าปีที่ 25 แล้ว ผลิตนักศึกษาไปแล้วกว่า 5,000 คนหรือ 23 รุ่น โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมรวมทั้งครู อาจารย์ บุคลากร และผู้ปกครองทุกคนมีส่วนร่วม โดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักศึกษามาเรียนเพิ่มอีกกว่า 600 คน ส่วนกรณีที่เปิดข่าวนั้น ทางวิทยาลัยฯ ได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่เราจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส คือการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองและเด็กๆ โดยเราแสดงให้เห็นว่าสถานศึกษาของเราไม่เคยคิดจะหยุดการเรียนการสอน ไม่เคยคิดที่จะถอย เพราะเราจัดการการศึกษาตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งวิทยาลัยฯ

ขณะนี้มีนักศึกษาเรียนอยู่รวม 822 คน ลดลงจากปีที่แล้วไม่ถึง 20 คน และครู บุคลากรรวม 52 คน ที่นี่ครู อาจารย์ทุกคนมีคุณภาพ มีการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาครู อาจารย์ พัฒนาอาคารสถานที่ ซึ่งเราได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลต่อปีกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการบริหารจัดการและพัฒนา เราพอใจในส่วนนี้


“ขอยืนยันกับผู้ปกครองและนักเรียนนักศึกษาว่าวิทยาลัยฯ ของเราเดินหน้าจัดการศึกษาที่มีคุณภาพต่อไป ปีนี้จัดโควตาให้แก่นักเรียนนักศึกษาลูกๆ ของเรา พร้อมจัดส่วนลดให้ เช่น ปวช. ค่าเรียน 5,371 บาท เราให้ส่วนลดจ่ายแค่ 3,000 บาทเท่านั้นจนจบ ปวช. ส่วน ปวส. เทอมแรก 1,900 บาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง และเป้าหมายการส่งเสริมพัฒนาให้นักศึกษาทุกคนมีทักษะฝีมือและจบแล้วมีงานทำ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องวิชาชีพให้พวกลูกๆ ของเรา” ดร.สมยศกล่าว


ด้าน นายสมเกียรติ ชินโคตร รอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและความร่วมมือวิทยาลัยฯ กล่าวว่า หลักสูตรการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ จะเน้นให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยนำนวัตกรรม ทางการศึกษาสมัยใหม่ ตลอดจนเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะความชำนาญในวิชาชีพ รองรับโลกยุคใหม่ในอนาคต โดยเป้าหมายสำคัญที่กำลังจะดำเนินการคือ การพัฒนาทักษะให้ นักเรียน นักศึกษา สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ 100% เพื่อรองรับการทำงานในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ปัจจุบันทางวิทยาลัยฯ ได้ลงนาม MOU กับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นเซน จ.อุดรธานี รับนักเรียน นักศึกษา ที่จบการศึกษาไปทํางานที่ประเทศญี่ปุ่นทุกปีการศึกษา และยังมีความต้องการนักเรียน นักศึกษาของเราอีกเป็นจำนวนมาก


ขณะที่ นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยฯและอดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วิทยาลัยฯ มีเป้าหมายส่งผู้สำเร็จการศึกษาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นทุกปีการศึกษา โดยเฉพาะทางด้านอาหารและภาคการเกษตร จึงได้ลงนามความร่วมมือผลิตนักวิชาชีพกับทางวิทยาลัยฯ แห่งนี้ โดยหากนักเรียนผ่านคุณสมบัติการประเมินทักษะวิชาชีพจากทางบริษัทฯ แล้ว ก็จะรับเข้าทำงานทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในอีกหลายๆ แห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกสถานประกอบการที่ตนเองสนใจเข้าทำงานหลังจากที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วอีกด้วย รวมถึงมีแผนพัฒนาห้องเรียนยุคใหม่ แผนจัดการเรียนการสอนแนวใหม่ให้ทันสมัยเจาะวัยรุ่นยุคใหม่ เช่น ห้องเรียน Digital Marketing ห้องเรียนหุ่นยนต์ เป็นต้น


ขณะที่ น.ส.จริยา ญาติจันทึก “น้องกิ๊ฟ” ศิษย์เก่า เข้าร่วมโครงการฝึกประสบการณ์ด้านเทคนิค ณ ประเทศญี่ปุ่น เป็นโครงการของรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจบการศึกษาสาขาการบัญชี ขณะนี้ทำงานที่โรงงานที่ประเทศญี่ปุ่น ได้วิดีโอคอลว่า ตนศึกษาจบจากสถาบันแห่งนี้และได้มาทำงานไกลบ้านถึงประเทศญี่ปุ่น ตนอยากหาโอกาสและอยากสร้างโอกาสให้ตัวเอง ตนได้เขียนใบสมัครแล้วก็ได้ไปทำงาน ก้าวแรกที่ได้ทำงานที่ทำงานมีความน่ารักและเป็นประเทศที่ดีมาก ทั้งโรงงานและองค์กรเขาดูแลเอาใจใส่เราดีมาก ทางโรงงานซัปพอร์ตเราตลอด ทั้งการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือความเป็นอยู่ก็สามารถแจ้งได้ตลอด เขาไม่ปล่อยเราลอยแพ

ตนเป็นรุ่นที่ 3 ที่นี่มีรุ่นพี่เป็นรุ่น 2 อยู่ก่อน คอยสอนงานดีมาก โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ตนคิดว่าหากอยู่ไทยเราไม่มีทางที่จะได้มากขนาดนี้แน่นอน คือที่ไทยเราอาจจะจบปริญญาตรีรายได้ 15,000 บาท แต่ที่ญี่ปุ่นได้มากกว่านั้นมาก ทำให้เราสามารถหารายได้ได้มากกว่านั้น ที่นี่ไม่มีอะไรเกินตัวเรา ทุกคนสามารถทำได้


กำลังโหลดความคิดเห็น