xs
xsm
sm
md
lg

มารศาสนา! จับสึกพระดื่มเหล้า มีพฤติกรรมออกเรี่ยไรในบ้านร้างกลางทุ่งนา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยนาท - นายอำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท จับสึกพระดื่มเหล้าในวันพระ ที่บ้านร้างกลางทุ่งนา หลังได้รับร้องเรียน แถมยังมีพฤติกรรมออกเรี่ยไรเงินชาวบ้านอีกด้วย    
 
วันนี้ (14 มี.ค.) นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สรรพยา เข้าตรวจสอบบ้านร้างกลางทุ่งนา หมู่ที่ 7 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งเข้าไปปักกลด อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว แล้วมีพฤติกรรมชอบดื่มสุรา และขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไปเรี่ยไรเงินชาวบ้านที่ตลาดเป็นประจำ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีผู้ชายนุ่งห่มผ้าเหลือง 1 คน อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวจริง มีลักษณะเหมือนคนยังไม่สร่างเมา และมีข้าวของเครื่องใช้ในการหุงหาอาหาร ยังพบขวดสุรายี่ห้อหนึ่งอยู่ในถุงขยะ เมื่อตรวจสอบข้าวของต่างๆ อย่างละเอียดพบขวดพลาสติกน้ำดื่ม 2 ขวด ที่ใส่สุราไว้ตบตาคน  
               
จากการสอบถามชายดังกล่าว บอกว่า ตนเองเป็นพระสงฆ์จริง บวชมาแล้วกว่า 10 พรรษา เดินทางมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ ขอตรวจสอบหนังสือสุทธิพระสงฆ์ ชายดังกล่าวกลับยื่นบัตรประชาชนให้เพียงใบเดียว ที่ระบุชื่อ พระวิเชียร หงส์ทอง อายุ 59 ปี ที่อยู่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แถมบอกนี่คือหนังสือสุทธิที่แสดงว่าตนเป็นพระสงฆ์จริง และยังบอกว่าตนมาอาศัยอยู่ในที่ดินร้างที่เป็นของปู่ย่าตายาย ไม่ผิดธรรมวินัย เพราะมีระบุอยู่ในพระไตรปิฎกที่ให้สามารถกระทำได้ แต่ยอมรับผิดที่ตนได้ดื่มสุราจริง ได้กระทำผิดจริง ยังบอกอีกว่า ถ้าตนไม่ได้ดื่มสุราแล้วการที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเช่นนี้ตนจะไม่ยอมรับผิดแต่อย่างใด และจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามากราบเท้าและคลานออกไปจากพื้นที่นี้ทันที แต่นี่ผิดเพราะมีการดื่มสุราจริง จึงยอมสึกเพื่อความสบายใจของทุกคน
               
ด้าน นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา บอกว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งออกไปเรี่ยไรเงินที่ตลาดเทศบาลเมืองชัยนาท บอกว่าจะนำไปซื้อไฟส่องสว่างไปติดที่บ้าน และมีการไปปักกลดอาศัยอยู่บริเวณบ้านร้างกลางทุ่งนา ซ้ำยังมีพฤติกรรมดื่มสุรา จึงเข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่สามารถระบุว่าได้เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ เพราะไม่มีหนังสือสุทธิพระสงฆ์มาแสดง มีเพียงบัตรประชาชนมาแสดงเท่านั้น จึงได้ติดต่อหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลให้แน่ชัด ก่อนที่จะนำตัวไปสึก เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อสังคมต่อไป
               
ต่อมาเมื่อติดต่อญาติของพระวิเชียรได้แล้ว  นายอำเภอสรรพยา จึงได้นำตัวพระวิเชียร  ไปพบกับพระอาจารย์ฉลวย อุตโม รองเจ้าอาวาสวัดหนองพังนาค เพื่อทำการสึก โดยความยินยอมของพระวิเชียรเอง ซึ่งเมื่อสึกเป็นฆารวาสแล้ว นายอำเภอมอบเงินให้นายวิเชียร จำนวน 1,200 บาท เพื่อให้นายวิเชียร นำไปจ่ายค่ารถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่นำไปซ่อมไว้ที่อู่ เพื่อนำออกมาใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองต่อไป ขณะที่ญาติยอมให้นายวิเชียร อาศัยอยู่บริเวณบ้านร้างดังกล่าวได้ไปจนกว่าจะหาทางขยับขยายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น