นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนเยอรมัน เริ่มกลับมา "ร่อนทอง” ณ คลองทอง บ้านป่าร่อน อ.บางสะพาน หลังการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ขณะจังหวัดมีนโยบายส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว “ร่อนทอง” เพื่อตอกย้ำส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่ศูนย์การเรียนรู้การร่อนทองบางสะพาน บ้านป่าร่อน ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงสายเรื่อยไปกระทั่งช่วงบ่าย
นายบัวขาว หรือลุงเล็ก มิ่งเมือง อายุ 73 ปี เจ้าของศูนย์เรียนรู้การร่อนทองบางสะพาน ต่างพานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่พากันเดินทางมาเที่ยวที่อำเภอบางสะพาน และได้รับการแนะนำจากผู้ประกอบกาโรงแรม รีสอร์ตในอำเภอบางสะพานให้มาร่อนทอง
”ลุงเล็ก” เจ้าของศูนย์บอกเพียงว่า นักท่องเที่ยวมาแล้วเช่าเลียง กระป๋อง พลั่วสำหรับตักดิน ในราคาชุดละ 100 บาทเท่านั้นก็สามารถเดินลงไป “ร่อนทอง” ในคลองทองด้านหลังศูนย์เรียนรู้ได้ทั้งวัน โดยหากนักท่องเที่ยวมาร่อนทอง “ลุงเล็ก” จะไปแนะนำวิธีการร่อนทองให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ว่า การร่อนทองมีวิธีการอย่างไร
ตั้งแต่ตั้งใช้พลั่วตักดินที่กองอยู่ข้างคลอง ใส่กระป๋อง และหิ้วลงไปเทใส่ในเลียงซึ่งทำจากไม้ หลังจากนั้น จะต้องใช้มือกวาดเอาก้อนกรวดก้อนหินออกก่อน และใช้สองมือจับเลียงแกว่งอยู่ในน้ำจนกว่าดินจะออกไปจนหมด ซึ่งหากใกล้หมดแล้วสายตาจะต้องคอยดูว่าที่ก้นของเลียงมีก้อนสีเหลือง หรือเป็นเกล็ดสีทองหรือไม่ หากเป็นสีทองนั่นแหละคือทอง
ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโชคว่าจะเจอหรือไม่ บางครั้งร่อนครั้งเดียวก็เจอเกล็ดเล็กๆ เท่านั้น แต่หากโชคดีดีอาจเจอเกล็ดใหญ่ก็มี หากนักท่องเที่ยวร่อนได้ทองสามารถนำกลับไปได้อีกด้วย เพราะทองบางสะพานถือเป็นทองที่มีพุทธคุณในตัว ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาร่อนทองกัน มากันได้ทั้งวันหยุด หรือวันธรรมดา
ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลังสถานการณ์โควิด คลี่คลายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ตอนนี้ทุกวันเริ่มมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติพากันมาร่อนทอง ซึ่งถือว่าการร่อนทอง ที่มีมาช้านานนับ 100 กว่าปีมาแล้ว จนเป็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวบ้านตำบลร่อนทอง ที่มีอาชีพร่อนทอง และให้บริการนักท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว เพราะทองที่ร่อนได้รวมๆกันเก็บไว้นำไปขายให้ร้านทอง หรือบางครั้งนำไปทำเป็นสร้อยข้อมือขนาดน้ำหนัก 2 บาทขายในราคาเส้นถึง 1 แสนบาท แต่ละปีอย่างน้อยจะขายได้ 2-3 เส้น
ด้านนางปิยนันท์ สะพานแก้ว กรรมการผู้จัดการบางสะพานรีสอร์ท กล่าวว่า ตอนนี้ทางผู้ประกอบการทั้งโรงแรม รีสอร์ตในอำเภอบางสะพาน ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ เดินทางเข้ามาพักและท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญต้องช่วยกันแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะ “ศูนย์การเรียนรู้การร่อนทอง ที่บางสะพาน” ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวชุมชน เดินทางสะดวก ที่ต้องช่วยกันแนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไป “ร่อนทอง” กัน
ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะชื่นชอบ อีกทั้งค่าใช้จ่ายน้อย และหากร่อนทองได้จะมีคุณค่าทางจิตใจ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาต่างประทับใจและสนุกกับการร่อนทอง ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาพักบางสะพาน แล้วสามารถไปร่อนทองกันได้ทุกวัน
นอกจากนั้น ในฐานะภาคเอกชนยังรู้สึกดีใจที่ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีแคมเปญปักหมุด HIDDENWOW ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ซึ่งจะนำมาซึ่งการสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 08-3311-7303 ศูนย์การเรียนรู้การร่อนทองบางสะพาน ได้ทุกวัน
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันที่เดินทางมาเพื่อมาท่องเที่ยวประเทศไทย บอกว่าประเทศของเขามีการประชาสัมพันธ์หากเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้เดินทางมา “ร่อนทอง” ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพราะถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม
ทำให้เมื่อมาถึงประเทศไทยจึงพากันมาร่อนทองทันที และรู้สึกดีใจที่ได้มาทดลองร่อนทองด้วยตนเอง โดยมีเจ้าของศูนย์เรียนรู้ สอนวิธีการร่อนทองให้ ถึงแม้จะยังไม่ได้ทองเลยก็ตาม แต่รู้สึกประทับใจต่อการมาท่องเที่ยวที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก และจะช่วยเผยแพร่การร่อนทองให้เป็นที่รู้จักต่อไป