บุรีรัมย์ - ผู้ว่าฯ อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา นำคณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางพบปะกระชับความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมหารือแนวทางยกระดับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู
เป็นจุดผ่านแดนถาวร หวังกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝั่ง
วันนี้ (15 ก.พ.) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายสิงหชัย ผ่องบุรุษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ร่วมให้การต้อนรับ นายแปน โกะซอล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะฯ ที่ห้องประชุมนเรนทราทิตย์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ในโอกาสที่เดินทางมาเยี่ยมกระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมทั้งได้หารือแนวทางการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ราชอาณาจักรไทย-ช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร
ทั้งนี้ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ แต่ฝั่งไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก (ดงพญาเย็น-เขาใหญ่) อยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนขอเพิกถอนพื้นที่และขอใช้พื้นที่ป่าไม้บางส่วน ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันทางด้านฝั่งไทยจึงได้อนุญาตให้เฉพาะประชาชนอำเภอบ้านกรวด กับประชาชนชาวกัมพูชา สามารถข้ามแดนเพื่อติดต่อซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันได้เท่านั้น โดยจะเปิดสัปดาห์ละ 5 วัน คือ วันพุธถึงวันอาทิตย์ของทุกสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่รอการดำเนินการยกระดับเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรอยู่นั้น ทางราชอาณาจักรกัมพูชาก็ได้เสนอให้ทางจ.บุรีรัมย์ เพิ่มวันเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู-จุ๊ปโกกี จากเดิม 5 วัน เวลา 08.00-15.00 น. ขยายเป็น 7 วันหรือตลอดสัปดาห์ เวลา 08.00-18.00 น. และขอให้พิจารณาอนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามแดนได้ทั่วทั้งจังหวัด ร่วมผลักดันในการอนุญาตให้รถบรรทุกสินค้าผ่านแดน ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนบ้านด้านกัมพูชา จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะมีหน่วยงานด้านความมั่นคงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
