ตราด - ผวจ.ตราด นำคณะหารือร่วม ผวจ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา หาแนวทางปรับสภาพภูมิทัศน์แนวชายแดนทั้ง 2 ฝั่งหวังยกระดับการค้า-การท่องเที่ยว
วันนี้ (26 ม.ค.) นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธินตราด นำโดย น.อ.สันติ เกษศรีพงศา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจโยธินตราด และหัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนจังหวัดตราด ร่วมหารือข้อราชการชายแดนกับ น.ส.มิถุนายน พราหมณ์เกสร ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมส่วนราชการจังหวัดเกาะกง ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
เพื่อหาแนวทางในการปรับสภาพภูมิทัศน์บริเวณแนวชายแดน 2 จังหวัด ส่งเสริมท่องเที่ยวโดยไม่ต้องมีหน่วยทหารชายแดน หรือมีลวดหนามขวางกั้นภูมิทัศน์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนของทั้ง 2 จังหวัดสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น แต่เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศยังมีปัญหาในเรื่องของการปักปันเขตแดนในพื้นที่หลักเขตที่ 72 และ 73 ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคง จึงจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบในระดับประเทศจึงยังไม่สามารถหาข้อสรุปในการดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เผยว่า จากการลงพื้นที่บริเวณแนวชายแดนบ้านหาดเล็ก ในช่วงที่ผ่านมาพบปัญหาการเข้าออกของรถบรรทุกสินค้าที่ไม่ได้รับความสะดวก อีกทั้งสภาพภูมิทัศน์บริเวณแนวชายแดนยังไม่มีความสวยงาม
จึงเสนอให้ทหารนาวิกโยธินตราด รื้อป้อมทหารออกไป และให้ขยายประตูหน้าด่านเพื่อความสะดวกในการเข้าออกของรถบรรทุกสินค้า ขณะเดียวกัน ยังจะผลักดันให้มีการนำต้นไม้มาปลูกเพื่อบดบังรั้วลวดหนามและปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้สวยงาม
“วันนี้ได้นำคณะเดินทางลงพื้นที่มามาหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ซึ่งหากสามารถปรับภูมิทัศน์ชายแดนทั้ง 2 ฝั่งได้น่าจะส่งผลดีต่อการค้า การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ” ผวจ.ตราด กล่าว
ทั้งนี้ จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก จ.ตราด เป็นด่านชายแดนแห่งเดียวของไทยที่มีพื้นที่ติดทะเล และมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีหลักเขตที่ 73 ตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งสามารถใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ จ.ตราดได้ และยังเป็นช่องทางการขนส่งสินค้าระหว่าง 2 ประเทศที่มีมูลค่าการค้ามากกว่า 3.4 หมื่นล้านบาทต่อปี
ที่สำคัญยังมีการเดินทางของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาตินับแสนคนต่อปีอีกด้วย