เชียงใหม่ - กองทัพภาคที่ 3 สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ MI-17 บินโปรยน้ำรอบละ 5,000 ลิตร เหนือตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ บรรเทาสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง PM 2.5 ควบคู่ภารกิจดับไฟป่า
วันนี้ (10 ก.พ. 66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพฝุ่นควันที่ปกคลุมทั่วตัวเมืองเชียงใหม่เบาบางลงกว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 42 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 48 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 19 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 66 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 114 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 157 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 67, 92, 139, 224 และ 267 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐาน 100 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม, อำเภอเชียงดาว และอำเภอฮอด คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอฮอด ที่เผชิญปัญหามลพิษอากาศต่อเนื่องมานานกว่าสัปดาห์แล้ว
ทั้งนี้ พลตรี วีรวัฒน์ วิวัฒน์วานิช รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 เปิดเผยว่า ปีนี้คาดการณ์ว่าสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือมีแนวโน้มที่จะรุนแรงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดปรากฏการณ์ลานีญา ที่มีปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ทำให้มีความชุ่มชื้นและไม่ค่อยเกิดไฟไหม้ป่า ขณะที่ในปีนี้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่สภาพแห้งแล้งกว่าปกติ และมีเชื้อเพลิงสะสมตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนมาก ประกอบกับราคาข้าวโพดที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการแผ้วถางพื้นที่เพื่อปลูกข้าวโพดเป็นวงกว้าง ส่งผลทำให้มีการเผาพื้นที่และเกิดไฟไหม้ป่าเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากมาตรการในการดับไฟแล้ว ขณะเดียวกัน จากการที่ปีนี้ปริมาณน้ำกักเก็บในแหล่งน้ำต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณมากและตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนในภาคเหนือเป็นจำนวนมากจนทำให้คุณภาพอากาศย่ำแย่อย่างหนัก ทางกองทัพภาคที่ 3 จึงได้เพิ่มมาตรการป้องกันด้วยการสนับสนุนอากาศยานเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ MI-17 พร้อมอุปกรณ์ตักน้ำ 5,000 ลิตร ในการขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ป่า ลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ และเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศเพื่อบรรเทาสถานการณ์ความรุนแรงของหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ด้วย เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นพื้นที่สำคัญเพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่อำเภอฮอดนั้น ยอมรับว่ารุนแรงและน่าเป็นห่วง ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้สนับสนุนอากาศยานในการดับไฟร่วมกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการดับไฟและเร่งควบคุมสถานการณ์ ตั้งเป้าหมายดับไฟให้หมดภายในวันนี้ (10 ก.พ. 66)