สุรินทร์ - “ปวีณา” ลงพื้นที่เมืองช้างร่วมถกหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง กรณีเด็กหญิง ป.1 วัย 7 ขวบ ถูกเด็กชายรุ่นพี่ ป.3 วัย 9 ขวบขืนใจ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งเยียวยาช่วยเหลือเด็กทั้งสองฝ่ายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข พร้อมเข้าให้ปากคำต่อสหวิชาชีพ เผยสุขภาพจิตของเด็กดีขึ้น ส่วนคดีคืบหน้าไปตามลำดับ
วันนี้ (2 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางสม (นามสมมติ) และ ลูกสาววัย 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ป.1) ชาว จ.สุรินทร์ เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ลูกสาวถูกนักเรียนชายรุ่นพี่อายุ 9 ขวบ อยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ข่มขืนและขู่ฆ่า โดยพยายามทำที่ห้องน้ำโรงเรียนแต่ไม่สำเร็จ ก่อนลากไปกระทำชำเราที่ห้องน้ำในบ้านเด็กชาย ป.3 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (2 ก.พ.) ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าบ้านพักและครอบครัว พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ อนันต์ดิลกฤทธิ์ ผกก.สภ.บัวเชด (คนใหม่) พร้อมด้วยคุณแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย เพื่อบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระดับครอบครัว ผู้นำชุมชน และโรงเรียน เพื่อให้การเยียวยาเด็กทั้ง 2 คนให้มีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข
จากนั้น นางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และทีมงาน พร้อมแม่ของเด็กหญิงและเด็กหญิงได้เดินทางไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ เข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการคุ้มครองเด็กในคดีอาญา จังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพ เพื่อร่วมกันสอบปากคำเด็กหญิงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นได้เดินทางไปยัง สภ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ประชุมร่วมกับ ตำรวจ ผู้นำชุมชน ครู ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คน เพื่อทำความเข้าใจและร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหา และเยียวยาเด็กทั้ง 2 คน
นางปวีณา หงสกุล มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงเช้าได้ประชุมหารือกันถึงการแก้ไขปัญหาและเยียวยาเด็กที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มี พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ อนันต์ดิลกฤทธิ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บัวเชด นางสาวพัทธิอร กาฬสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ นายสุพล เสตต์เขต หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ เข้าร่วมประชุมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งในครอบครัวและชุมชน พร้อมทั้งการเยียวยาช่วยเหลือเด็กชายและเด็กหญิง ซึ่งช่วงนี้สุขภาพจิตของน้องดีขึ้น
ทาง พมจ.จังหวัดสุรินทร์จะเข้ามาดูแลด้านจิตใจของแม่และลูกก็คงสบายใจขึ้น วันนี้ได้พาน้องกลับบ้านหลังจากไปอยู่มูลนิธิปวีณาฯ ทางตำรวจนัดกับสำนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ และกลุ่มสหวิชาชีพ ช่วงนี้แม่ของน้องก็สบายใจขึ้น ขั้นตอนต่อไปอยู่กับกระบวนการยุติธรรม การเยียวยาสภาพจิตใจ เราให้ความสำคัญเด็กทั้ง 2 คน เพราะทั้ง 2 คนเป็นเด็กไม่มีวุฒิภาวะ ทาง พมจ.จังหวัด, ตำรวจ, ยุติธรรมจังหวัด, มูลนิธิปวีณาฯ จะบูรณาการการทำงานร่วมกันเยียวยา ในหมู่บ้านก็จะมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการโรงเรียน และรอง ผอ.สพฐ.ก็มอบหมายให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นห่วงเด็กอยากให้เขามีอนาคตที่สมบูรณ์และชีวิตเข้าสู่ภาวะปกติทั้งสองฝ่าย
ด้าน พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ อนันต์ดิลกฤทธิ์ ผกก.สภ.บัวเชด กล่าวว่า วันนี้นำเด็กหญิงผู้เสียหายมาสอบปากคำร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ หลังจากนี้จะกลับไปคุยกับฝ่ายเด็กชาย สอบปากคำและพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ แบ่งเป็น 2 กรณี กรณีแรกเรื่องสำนวนทางตำรวจทำหน้าที่อย่างเร็วที่สุดจะได้เยียวยาเด็กทั้ง 2 คน อีกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องตัวเด็ก ซึ่งมีทีมของ พมจ.จังหวัดสุรินทร์ กับมูลนิธิปวีณาฯ ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ดูแลไม่น่ามีปัญหาอะไร การสอบปากคำพยานแวดล้อมไม่ยุ่งยากอะไร ทางคดีไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาคือเรื่องของเด็ก ส่วนสำนวนคดีก็เดินหน้าไปตามลำดับอยู่แล้ว
ขณะที่ นางสาวพัทธิอร กาฬสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ทาง พมจ.จะประเมินสภาพครอบครัวทั้งเด็กชายและเด็กหญิงในการที่จะอยู่ร่วมกันในชุมชน อยู่ได้หรือไม่ ในระยะแรกถ้าอยู่ไม่ได้ก็จะให้อยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสุรินทร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเด็กตัดสินใจเอง แต่เรามีวิธีการที่จะคุ้มครองดูแลเด็ก ต่อจากนี้ไม่ว่ากระบวนการจะสิ้นสุดอย่างไรเราจะดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กทั้ง 2 คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมได้ ในชุมชนก็จะมีผู้นำชุมชนในพื้นที่ ฝ่ายปกครองผู้ใหญ่บ้าน กำนันหรืออาสาสมัคร มีความเข้าใจทั้งสองฝ่ายและผู้นำก็วางตัวเป็นกลางกัน ให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย การเจรจาไกล่เกลี่ยก็มีคนพร้อมในการเจรจา
ทาง พมจ.สุรินทร์ก็ลงพื้นที่ประเมินสภาพเหตุการณ์ มีการวางแผนพร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับเด็กว่าจะอยู่บ้านตนเองหรือบ้านพักเด็ก แม่คุยกับอดีตผู้ใหญ่บ้าน ยินดีให้ไปอยู่บ้านในครอบครัว คุยกันแล้ว เขาบอกว่าอยู่ได้ ทางชุมชนก็บอกว่าไม่มีปัญหา ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของเขา เราเคารพการตัดสินใจของเขา ถ้าอยู่ไม่ได้ก็มาอยู่บ้านพักเด็กและครอบครัวสุรินทร์ เราพร้อมให้การดูแล