สุรินทร์ - ผกก.สภ.บัวเชดเผยคดีสะเทือนใจเด็กหญิง 7 ขวบ ป.1 ถูกรุ่นพี่ ป.3 วัย 9 ขวบขืนใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนยังไม่แจ้งข้อหา รอผลตรวจยืนยันดีเอ็นเอเด็กชายในตัวเด็กหญิงและสอบปากคำทั้งสองฝ่ายโดยทีมสหวิชาชีพก่อน ชี้เกิดเหตุห้องน้ำในบ้านไม่น่าจะมีการลากตัวมาจาก ร.ร.และขู่ฆ่า ส่วนยายเผยหลานชายยืนยันแค่ถอดกางเกงไม่ได้ทำอะไรกัน
วันนี้ (31 ม.ค.) ความคืบหน้ากรณี นางสม (นามสมมติ) และลูกสาววัย 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ป.1) ชาว จ.สุรินทร์ เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ลูกสาวถูกนักเรียนชายรุ่นพี่อายุ 9 ขวบ อยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ข่มขืนและขู่ฆ่า โดยพยายามทำที่ห้องน้ำโรงเรียนแต่ไม่สำเร็จ ก่อนลากไปกระทำชำเราที่ห้องน้ำในบ้านเด็กชาย ป.3 ตามที่เป็นข่าวสะเทือนใจอยู่ในขณะนี้นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ ชัยณรงค์ศักดิ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้มีการเรียกสอบถามเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งนำตัวน้องเด็กหญิงผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงไปดูบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของเด็กผู้ชายอายุ 9 ขวบ โดยบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของเด็กชายและอยู่ใกล้กันกับบ้านเด็กหญิงผู้เสียหาย ในวันเกิดเหตุวันที่ 21 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ขณะแม่ของเด็กหญิงออกไปรับจ้างกรีดยาง ไม่ได้เอาลูกไปด้วย และปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ พร้อมเด็กชายที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุ
หลังจากนั้นแม่ยังไม่ได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว มาทราบอีกทีเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 ซึ่งมีอดีตผู้ใหญ่บ้านมาบอกว่า รู้สาวถูกกระทำ แม่จึงได้เรียกลูกสาวมาสอบถาม จึงได้รู้ว่าถูกเด็กชายอายุ 9 ขวบ กระทำชำเรา จากนั้นจึงพาลูกเข้ามาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.บัวเชด ในวันที่ 28 ม.ค. 66 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำผู้เป็นแม่และนำตัวเด็กหญิงส่งตรวจร่างกายที่ รพ.บัวเชด จากนั้นจะได้นัดน้องไปสอบปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัด พร้อมทีมสหวิชาชีพ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาและผู้ถูกกระทำเป็นเด็ก ในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าแม่และน้องผู้หญิงได้เดินทางไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ขณะนี้ยังไม่กลับ ทราบว่าจะเดินทางกลับมาในวันพฤหัสฯ นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานแล้ว หากกลับมาก็จะรับตัวไปสอบปากคำทันทีที่สำนักงานอัยการจังหวัด
ส่วนผลการตรวจร่างกายของเด็กหญิง ทางแพทย์ระบุว่าพบเนื้อเยื่อพรหมจรรย์ฉีกในเบื้องต้น และต้องรอผลตรวจยืนยันดีเอ็นเอ หากพบผลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชายในตัวน้องผู้หญิงก็น่าจะยืนยันว่าใช่ มีความน่าเชื่อถือ ในตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อเด็กชายที่ถูกกล่าวหา จนกว่าจะมีการสอบปากคำเด็กทั้งสองคนทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชาย ร่วมกับทีมสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการจังหวัดก่อน จึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา
"ทั้งนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะผู้ถูกกระทำและผู้ถูกกล่าวหาเป็นเด็กทั้งคู่ ซึ่งตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่ ต่อกรณีที่มีข่าวว่ามีการกระชากกันที่โรงเรียนนั้น ยังไม่ทราบ รวมไปถึงการข่มขู่ของเด็กชายนั้น ยังไม่ทราบและไม่น่าจะมี เพราะเหตุเกิดที่ห้องน้ำในบ้านของเด็กชาย" พ.ต.อ. เฉลิมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของเด็กชาย ที่บ้านตะเปียงคล็อง ต.จรัส อ.บัวเชด บ้าน ของนางสุ (นามสมมติ) อายุ 54 ปี ยายของเด็กชายสาม นามสมมติ บ้านตะเปียงคล็อง ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุ โดยนางสุได้พาไปดูที่ห้องน้ำ พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ปกติพวกเด็กๆ 4-5 คนจะพากันเล่นอยู่แถวบริเวณรอบบ้านและในบ้านกันเป็นประจำ ส่วนมากจะเป็นหลานๆ ของพวกตน แต่ก็จะมีเด็กผู้หญิงที่มีเรื่องกันมาเล่นด้วย ก่อนเกิดเรื่องสองสามวัน ปกติบ้านเขาจะอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน และเพิ่งย้ายมาอยู่ซึ่งเป็นบ้านของอดีดผู้ใหญ่บ้าน และอยู่ไม่ห่างจากบ้านตนมากนัก มาอยู่ได้ประมาณ 3 วัน
จากการสอบถามหลานชายก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร และถามเด็กที่เล่นด้วยกันก็บอกว่าเด็กชายสามไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน ตอนที่ไปคุยกันกับผู้ปกครองที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เด็กก็บอกว่าเด็กผู้หญิงเป็นคนให้ถอดกางเกง และลูกของน้องสาวก็เข้ามาเห็นและยืนยันว่าเด็กชายสามไม่ได้ถอดกางเกง ประมาณว่าเด็กผู้หญิงเป็นคนให้เด็กผู้ชายถอดเสียเอง ยายของเด็กชายสามกล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายทนง รักกระโทก อดีตผู้ใหญ่บ้านตะเปียงคล็อง ซึ่งเป็นบ้านหลังที่เด็กผู้หญิงผู้เสียหาย พักอาศัยอยู่ นายทนงกล่าวว่า ตนเองไปถามแม่ของเด็กผู้หญิงว่าทราบเรื่องที่เด็กชายมากระทำชำเราลูกสาวตนเองหรือยัง ชาวบ้านเขาคุยกันมาก แม่เด็กหญิงบอกว่าไม่ทราบ จากนั้นเรียกเด็กมาสอบถามเด็กเล่าเรื่องให้ฟังว่าถูกเด็กผู้ชายกระทำชำเรา ก็พากันไปคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ตกลงกันไม่ได้จึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ และแจ้งความที่ สภ.บัวเชด เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่เด็กหญิงผู้เสียหาย
ขณะ นายสาน ซอมสุข ผู้ใหญ่บ้านตะเปียงคล็อง ท้องที่เกิดเหตุเล่าว่า หลังรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เรียกผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยหารือกัน แต่ไม่สามารถพูดคุยได้ เพราะผู้ถูกกระทำและผู้ถูกกล่าวหาเป็นเด็ก ก็เป็นการสอบถามกันคร่าวๆ เท่านั้น โดยถามน้องอีกคนที่อยู่ด้วยก็บอกว่าเพียงแต่เห็นน้องผู้หญิงถอดกางเกงและให้เด็กผู้ชายถอดตาม แต่ยังไม่ได้ถอดก็มีคนเห็นก่อน ซึ่งจะให้ตนตัดสินให้ว่าใครถูกผิดนั้นทำไม่ได้ ซึ่งจากการพูดคุยของผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายเด็กหญิงเรียกเงินค่าชดเชยไป 2 หมื่นบาท ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กชายไม่มี จึงไม่สามารถตกลงกันได้ ทางฝ่ายเด็กหญิงจึงได้พากันไปแจ้งความและเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ