พิษณุโลก - “ชาดา” นำภูมิใจไทยลุยสนามเลือกตั้งเหนือตอนล่างเต็มพิกัด..ล่าสุดเวทีปราศรัยช่วย “นิยม-ว่าที่ผู้สมัครเขต 4 พิษณุโลก” ลั่นเลือก ภท.3 เก้าอี้พิษณุโลกพัฒนาแน่-เลิกแบ่งสี ขณะที่คู่แข่งพรรคเพื่อไทยติดป้าย-ตระเวนหาเสียง พลังประชารัฐ-พรรคก้าวไกลเริ่มขยับ
สถานการณ์การเมืองพิษณุโลก-เมืองสองแคว คึกคักต่อเนื่องทุกเขตเลือกตั้ง แม้วันนี้บรรดาว่าที่ผู้สมัครยังมีโอกาสเปลี่ยนขั้ว-ย้ายพรรค แต่หลายเขต-หลายพรรคการเมือง ที่วางตัวว่าที่ผู้สมัครชัดเจน ต่างเดินเครื่องหาเสียงกันอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 4 พิษณุโลก ล่าสุดบ่าย-ค่ำวันที่ 24 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ดูแลสนามเลือกตั้งภาคเหนือตอนล่าง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่วัดสามเรือน ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เพื่อช่วยนายนิยม ช่างพินิจ ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 4 ซึ่งโลดแล่นบนถนนการเมืองมา 23 ปี เคยใส่เสื้อพรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทย นาน 18 ปี
และเป็นหนึ่งในแกนหลักร่างนโยบายเกษตรพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะนโยบายข้าวเปลือกราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อเกวียน พร้อมประกาศดันโปรเจกต์ใหญ่ "เขื่อนบางกระทุ่ม" เหมือนเขื่อนนเรศวร (อยู่ตอนเหนือน้ำน่าน) ใช้งบประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ที่เชื่อว่าจะได้ทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว-แก้ปัญหาตลิ่งพังได้ดีกว่าทุ่มสร้างเขื่อนเรียงหิน 3 พันล้านที่ปัญหาไม่จบ
แนวนโยบายดังกล่าวได้รับการตอบรับจากผู้นำท้องที่ท้องถิ่นเป็นอย่างดี เช่น ส.จ.แก้ว เขต อ.บางระกำ ยังขึ้นเวทีช่วย ส ส.นิยม หาเสียง ระบุอยากเห็นถนนสี่เลน จากบางระกำไป จ.กำแพงเพชร, นายวิบูลย์ ตั้งเกษมวิบูลย์ นายกเทศมนตรีตำบลบางระกำเมืองใหม่ขึ้นเวทีปราศรัยให้เลือกนายนิยม-คนบางระกำไว้ทำงาน ทุ่มคะแนนให้ทิ้งห่าง
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี กล่าวบนเวทีว่า จะใช้เวลาที่เหลือทางการเมือง ผลักดัน พ.ร.บ.ข้าว และโครงการเงินกู้นอกระบบ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยกำลังทำเรื่องพักหนี้ เพราะที่ทราบดีว่าการพักหนี้ แต่ไม่เคยพักดอกเบี้ย แต่วันนี้พรรคภูมิใจไทยทำโครงการหนี้ไม่เกินหนึ่งล้านบาท จะต้องพักหนี้และพักดอกเบี้ย 3 ปี เนื่องจากปัจจุบันประชาชนเดือดร้อน ไม่มีจะกิน จะต้องไปกู้เงินมากินมาใช้ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หากกู้เงิน 100 บาท ภายใน 1 ปี ต้องใช้คืน 1,600 บาท ถามว่าจะกู้มาทำอาชีพอะไร ถึงจะได้กำไร ถ้าไม่ใช่ค้ายา
“ยินดีที่นิยมกล้าเปลี่ยนพรรคมาอยู่ภูมิใจไทย เพราะอยู่พรรคเดิมไม่มีโอกาสได้ทำอะไร แต่ถ้าพิษณุโลกเลือกคนของพรรคภูมิใจไทยมากกว่า 3 คนขึ้นไป รับรองว่า จะพัฒนาจังหวัดมากกว่านี้ เขื่อนบางกระทุ่มที่ ส.ส.นิยมทุ่มเทจะได้เป็นจริง เลิกแบ่งสีเสื้อเหลือง-แดงได้แล้ว หันกลับมาพัฒนาตัวเมืองพิษณุโลกจะดีกว่า”
ขณะที่ ส.ส.นิยม ช่างพินิจ ได้ขึ้นเวทีกล่าวเปิดใจที่ลงสนามการเมืองช่วง 23 ปี ลักษณะอ้อนขอคะแนนเสียง-เหตุผลการเปลี่ยนพรรค ว่าทำเพื่อคนพิษณุโลก ซึ่งได้ใจฐานเสียงไม่น้อย หลายคนถึงกับตามไปโอบกอดหลังจากลงเวทีปราศรัย
วันเดียวกัน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมผู้ติดตาม ได้เดินทางไปย่านสี่แยกบ้านแขก กลางเมืองพิษณุโลก เพื่อรับประทานข้าวและหารือกับว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขต คือ นายบวรเดช หล้าแหล่ง (ปาล์ม) เขต 1, นายอิทธิพล บุบผะศิริ เขต 2, นายอนุชา น้อยวงศ์ เขต 3, นายนิยม ช่างพินิจ เขต 4 และ นายนคร มาฉิม เขต 5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางลงมาของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำให้ว่าที่ผู้สมัครพิษณุโลกเขต 1 ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ และตอกย้ำความมั่นใจในเขต 4 ซึ่งคู่แข่งทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยก็คือ น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ พรรคเพื่อไทย ชื่อเดิมคือ น.ส.ปานทิพย์ อดีต ส.จ. เคยลงสนามใหญ่ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนมาอยู่พรรคเสรีรวมไทยครั้งที่ผ่านมา แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้แทนฯ
เมื่อ ส.ส.นิยมออกจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ ส.จ.ปานทิพย์มีช่องลงเสียบในนามพรรคเพื่อไทยทันที ประเมินว่าเสื้อแดงยังมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะ อ.บางกระทุ่ม แต่ อ.บางระกำ ถือเป็นพื้นที่เสื้อเหลืองเบ่งบาน ประกอบกับการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้กลับมีกลุ่มแกนนำเสื้อแดง เช่น เป๋ คลองเตย และ เจ๋ง ดอกจิก มาร่วมขึ้นเวทีพรรคภูมิใจไทย ทำให้หลายคนคาดไม่ถึง อย่างไรก็ตาม ส.จ.ปานทิพย์ได้ตระเวนลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง และถือเป็นหน่อเนื้อคน ต.หนองกุลา อ.บางระกำ มีฐานเสียงและทุนจากครอบครัวผู้รับเหมาสนับสนุน
ด้านพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนว่ามีการวางตัวนายอัศวิน นิลเต่า อดีต ส.จ.เป็นว่าที่ผู้สมัครในเขต 4 พิษณุโลก ส่วนพรรคก้าวไกลวางตัวนางสาวชุตินันต์ ชญาณ์นันท์โภคิน เป็นว่าที่ผู้สมัคร โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้ามาเปิดตัวช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งพรรคพลังประชารัฐกับพรรคก้าวไกลป้ายการเสียงยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
