พิษณุโลก - ประชากรลด 2 หมื่น ส่อกระทบสนามเลือกตั้งเขต 1 เมืองสองแคว..ขณะที่หลายพรรคเดินหน้าเต็มพิกัด “ภูมิใจไทย” ทำโพลวัดกระแสชี้ขาดสิ้นเดือนนี้-นายกอสังหาฯ ติดโลโก้พรรค “เจ๊หน่อย-ไทยสร้างไทย” ลุยหวังโค่นแชมป์เก่า “หมออ๋อง-ก้าวไกล” ด้าน ปชป.เดินสายวิชาการ แต่วงพนันเริ่มเดิมพันสายแข็ง ลูกนายก อบจ.ชนลูกนายกเทศมนตรีฯ
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงาน กกต.จังหวัดพิษณุโลกเปิดเผยว่า ประชากรปี 2566 ของพิษณุโลกลดลง 20,000 คน โดยเฉพาะโซนมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 4 ต.ท่าโพธิ์ หายไปประมาณ 4-5 พันคน อาจทำให้มีการปรับเปลี่ยนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบางตำบล
แต่ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลานี้ บรรดาว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขตต้องหาเสียงตามเขตพื้นที่เดิมไปก่อน เนื่องจาก 30 มี.ค. 66 จะเป็นวันสุดท้ายที่คาดว่าพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผลบังคับใช้ และ กกต.จะประกาศวันเลือกตั้งทั่วไป 7 พ.ค. 66
กรณี ยุบสภา จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งภายใน 5 วันนับแต่วันที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา กกต.จะต้องประกาศวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน และวันสมัครรับเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา แต่ ณ วันนี้ยังไม่มี พ.ร.ก.เลือกตั้ง จึงยังไม่มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ตามข้อมูลพบว่าผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งพิษณุโลกมีจำนวนทั้งสิ้น 690,547 คน ในเมืองเขต 1 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 138,480 คน ครอบคลุมเทศบาลนครฯ, ต.อรัญญิก, ต.วัดจันทร์, ต.บ้านคลอง, ต.พลายชุมพล, ต.ท่าทอง, ต.บึงพระ, ต.วัดพริก และ ต.วังน้ำคู้
ซึ่งสนามการเลือกตั้งเฉพาะเขตนี้ต้องเรียกว่า ฝุ่นตลบ เพราะ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนหลายคนอยากร่วมพรรค แม้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ทิศทางเริ่มชัดแล้วว่า นายบวรเดช หล้าแหล่ง (ปาล์ม) อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกคนล่าสุด สายบิ๊กเนฯ เต็ง 1 มีคะแนนโพลสำรวจจากคนในพรรคภูมิใจไทย ตัวเลขนำโด่งเมื่อเทียบกับ 2 คนในสายรองหัวหน้าพรรคฯ และเลขาธิการพรรคฯ เจ้าตัว (ปาล์ม) บอกกับผู้สื่อข่าวว่า..ระหว่างนี้พรรคจะทำโพลคะแนนเสียงของตนเทียบกับว่าที่ผู้สมัครพรรคอื่น สิ้นมกราคม 66 นี้ก็รู้ผล
ขณะที่พรรค ทสท.ของ “หญิงหน่อย” นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่ติดป้ายขนาดใหญ่มานานและยังโชว์หราที่สามแยกต้นหว้าก่อนเข้าตัวเมืองพิษณุโลก โดยมีลูกพรรคอย่าง นายมงคล เหลี่ยมวัฒนกุล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดพิษณุโลก ประกาศตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทยเขต 1 และหาเสียงมาร่วม 2 ปี
โดย ดร.พิทักษ์ สันติวงศ์เดชา “ปลัดพิทักษ์” อดีต ส.ส.พิษณุโลก รุ่นเก๋าการันตี และยังนัดบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคไทยสร้างไทยเหนือล่าง คัดตัวลงสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบายบำนาญเดือนละ 3,000 บาท ทำให้ประชาชนสนใจ “มงคล เหลี่ยมวัฒนกุล” ทันที
ด้านแชมป์เก่า คือ “หมออ๋อง” ส.ส.ปดิพัทธ์ สันติภาดา พรรคก้าวไกล ก็ชูนโยบายให้เงินคนชราทุกคน 3,000 บาทถ้วนหน้าเช่นกัน เสริมนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดนใจเด็กนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องไปปะทะกับคนรุ่นหนุ่มไฟแรงอย่าง นายบวรเดช หล้าแหล่ง (ปาล์ม) ที่ตระเวนขึ้นเวที เดินสายประกาศนโยบาย "พรรคภูมิใจไทย"
ส่วน ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่เพิ่งเปิดตัวในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ตามเส้นสายนักวิชาการจาก ม.นเรศวร
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งรอบนี้สภากาแฟคอการเมืองพิษณุโลกพุ่งความสนใจในศึกช้างชนช้าง ระหว่าง น.ส.ณัฐทรัชต์ ชามพูนท "พรรคเพื่อไทย" ลูกสาว "นางเปรมฤดี ชามพูนท" นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กับ นายอดุลยวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ พรรคพลังประชารัฐ ลูกชายนายก อบจ.พิษณุโลก ถือว่าเป็นเปรียบมวยถูกคู่ เฉพาะรุ่นสายแข็ง มีทั้งทุนและมากด้วยบารมีจากครอบครัว
จนเกิดวงพนันขันต่อว่าใครจะมีคะแนนนำ โดยไม่สนว่าใครจะได้เป็นผู้แทนในเขต 1 ว่ากันว่าก่อนเสียงระฆังจะเริ่ม ลูกชายนายก อบจ.และมี รมช.คลังหนุน-ทุนหนา ราคาเป็นต่อ
ส่วนคนของ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" ยังไม่เปิดตัว มีเพียงข่าวว่า นายธนิท นันทน์ธัญมน ลูกชายเศรษฐา กิตติจารุรักษ์ อดีตผู้สมัครพลังประชารัฐครั้งที่ผ่านมา จะลงแน่ แต่ยังไม่มีป้ายหาเสียง เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.นฤชา สุวรรณลาภา อดีต ผบก.กองตรวจราชการ 5 สำนักงานจเรตำรวจ และอดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ที่ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าลงแน่ แต่ขอเวลาทำป้าย โดยจะสู้ศึกในเขต 1 แม้ภูมิลำเนาเป็นคนหนองตม-พรหมพิรามก็ตาม