ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ม.ขอนแก่นจัดเวิร์กชอปอบรมตามโครงการศิลปะบนท้องนา ต่อยอดเมนูขนมจีน คิดสูตรทำเส้นขนมจีนจากจิ้งหรีด ยกระดับเป็นเมนูทดแทนโปรตีน เพิ่มมูลค่าทางการตลาด เผยจิ้งหรีดให้โปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด และอุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินบี 12, โอเมกา 3, ธาตุเหล็ก เป็นแหล่งโปรตีนใหม่ระดับ Super Food
เมื่อเร็วๆ นี้ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคามมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ได้จัดโครงการอบรมศิลปะบนท้องนา ยกระดับอาชีพด้วยบูรณาการศาสตร์เพื่อความยั่งยืน แปรรูป “ขนมจีนจิ้งหรีด” ครั้งที่ 2 ขึ้น ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ประชาชน นักวิชาการและนักวิจัยได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางของสหประชาชาติ (SDGs) ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ดร.พงศ์พันธุ์ ศรัทธาทิพย์ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยากรในการอบรมเปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มุ่งเน้นเป้าหมาย SDGs ในด้านขจัดความยากจน สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมสวัสดิภาพสำหรับทุกคนในทุกวัย และสร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม ตลอดจนสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต นำมรดกทางภูมิปัญญา เมนูยอดนิยมอย่าง ข้าวปุ้นน้ำยาปลาแดก หรือ ขนมจีนน้ำยาปลาร้า ที่ชาวอีสานนิยมทำในงานบุญหรืองานมงคลต่างๆ มาผสานองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
อย่างกรณีของ ดร.ธีรวีร์ ดิษยไชยพงศ์ หรือเชฟจากัวร์ ผู้อำนวยการสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย และผู้ชนะเลิศ Top Chef Thailand ซีซัน 3 มาช่วยพัฒนาเมนูขนมจีน โดยคิดสูตรการทำเส้นขนมจีนจิ้งหรีด 4 ภาค ยกระดับให้เป็นเมนูทดแทนโปรตีน ทำให้เกิดคุณค่าเพิ่มทางการตลาด สร้างรายได้ให้ชุมชน ในขณะเดียวกันก็เป็นการสานต่อมรดกทางภูมิปัญญาอีสานให้คงอยู่ต่อไป
จากข้อมูลทราบว่าบ้านขามเปี้ย ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นจำนวนมาก และในจิ้งหรีด 1 ตัวเต็มไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด และอุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินบี 12, โอเมกา 3, ธาตุเหล็ก ซึ่งหากเทียบตามน้ำหนักแล้วมีโปรตีนมากกว่าเนื้อวัวเกือบ 2 เท่า เป็นแหล่งโปรตีนใหม่ที่เรียกได้ว่า Super Food และสามารถนำมาแปลงร่างรวมใส่เส้นขนมจีนที่ขึ้นชื่อของดีตำบลกู่ทอง
ดร.พงศ์พันธุ์บอกว่า แม้ว่าการกินแมลงเพื่อคุณค่าทางโภชนาการและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเรา แต่มันจะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ฉะนั้นโครงการนี้จึงจัดขึ้นเพื่อสร้างสตาร์ทอัพที่นำจิ้งหรีดมาใส่ในเส้นขนมจีน เพื่อเพิ่มโปรตีน ไปพร้อมๆ กับการเป็นผลิตภัณฑ์แนวใหม่ นำมารับประทานกับน้ำยา 4 ภาค และผักสด
การอบรมครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วม 40 คน ประกอบด้วย กลุ่มแม่บ้าน ผู้ประกอบการ และประชาชนที่สนใจ เป็นการอบรมในรูปแบบเวิร์กชอป 4 หัวข้อ คือ การผลิตเส้นขนมจีนโปรตีนจิ้งหรีด การทำน้ำยาขนมจีน 4 ภาค การผลิตเส้นขนมจีนโปรตีนจิ้งหรีดอบแห้งเพื่อเป็นสินค้าของฝาก และสร้าง Story telling สร้างแบรนด์ แพกเกจจิ้ง
“เชื่อว่าหลังจากการอบรมครั้งนี้ผู้เข้าร่วมอบรมจะสามารถประกอบอาชีพได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถขยายผลไปสู่การกระตุ้นยอดขายผัก เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชน เกิดสตาร์ทอัพใหม่อีกด้วย” ดร.พงศ์พันธุ์กล่าว
ขณะที่นางดาหวัน ทะสา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกู่ทอง กล่าวถึงการอบรมครั้งนี้ว่า เป็นการต่อยอดการทำขนมจีนจิ้งหรีดอบแห้ง และทำน้ำยาขนมจีนแบบเข้มข้น เพื่อพัฒนาเป็นแพกเกจจำหน่ายและเป็นของฝาก และยังเป็นต้นแบบในการประกอบอาชีพ ซึ่ง อบต.กู่ทองจะทำตลาดช่วย ทั้งตลาดออนไลน์ และตลาดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ จึงเป็นโอกาสดีในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการกับประชาชนในชุมชน ให้สามารถผลิตและแปรรูปอาหารด้วยหลักการ Fusion Food หรือ Local Food to Functional Food และการนำอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ยกระดับให้แก่เมนูพื้นบ้านรสชาติถูกปาก จัดเสิร์ฟอย่างมีศิลปะ
รวมไปถึงการยกระดับการให้บริการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มารับประทานอาหารท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ในชุมชน เป็นการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยสามารถเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวด้านอื่นๆ แปรรูปผักผลไม้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากของกินสู่ของฝาก ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ ม.ขอนแก่น