เชียงราย - ยักษ์ใหญ่ รพ.เอกชนไทยชี้ทิศทางธุรกิจสุขภาพ-ความงามปี 66 โตสวนทางหลากธุรกิจยันส่งออก เผยจีนเปิดประเทศยิ่งหนุนให้ขยายตัวแบบก้าวกระโดด ยกโมเดล BCH รุกเปิดโรงพยาบาลเวียงจันทน์ จีนแห่ใช้บริการถึง 27% ย้ำแค่ล็อกเป้า นทท.จีนตรวจโควิดก่อนกลับ-ฉีด mRNA เงินสะพัดนับหมื่นล้านแล้ว
ศ.ดร.นายแพทย์ เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทิศทาง Wellness & Healthcare 2023" ในโอกาสโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ ก่อตั้งขึ้นที่ จ.เชียงราย ครบ 30 ปี ว่าธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพจะเติบโตสวนกระแสธุรกิจอื่นๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวด้วย
ประธานกรรมการบริหารบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปธุรกิจที่จะมีโอกาสเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเป็นดาวรุ่งที่สุดคือธุรกิจด้านการแพทย์และความงาม ซึ่งจะสวนทางกับความย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ของธุรกิจฟอกย้อม สื่อสิ่งพิมพ์ วารสาร โรงพิมพ์ ถ่ายรูป คริปโตฯ โรงเรียนเอกชน ฯลฯ หรือแม้แต่ธุรกิจส่งออกสินค้าซึ่งมีมูลค่ามากกว่าด้านสุขภาพก็เริ่มมีปัญหาโดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ในทวีปยุโรป ขณะที่ผู้คนทั่วโลกและนักท่องเที่ยวมีความโน้มเอียงใช้บริการธุรกิจด้านการแพทย์และความงามมากขึ้น
และตั้งแต่ปี 2563 ไทยมีโรงพยาบาลเอกชน 69 แห่ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และติดอันดับคุณภาพ 1 ใน 10 ของโลก จึงทำให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อมูลเมื่อกว่า 10 ปีก่อนที่ระบุว่าโรงพยาบาลเอกชนมีรายได้รวมกันทั่วประเทศประมาณ 140,000 ล้านบาท และเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 6-8% ปัจจุบันคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ศ.ดร.นายแพทย์ เฉลิมกล่าวอีกว่า ในอนาคตนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเพิ่งเปิดประเทศหลังยุคโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมาจะเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจ Wellness & Healthcare ในประเทศ โดยประสบการณ์ส่วนตัวหลังเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว พบว่าลูกค้ากว่า 27% เป็นชาวจีนที่พร้อมจะใช้จ่ายเงินเพื่อสุขภาพอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ธุรกิจด้าน Wellness & Healthcare ยังจัดเป็นธุรกิจแบบ First S-Curve คือธุรกิจที่มีอยู่แล้วและต่อยอดให้ดีขึ้น ซึ่งก็มีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ด้วย ส่วน New S-Curve หนึ่งในนั้นก็คืออุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ที่สามารถรองรับการบริการด้านสุขภาพได้หลากหลาย และบางอย่างไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการดูแลสุขภาพและความงาม
อย่างไรก็ตาม สำหรับ จ.เชียงราย ซึ่งมีความพร้อมเกือบทุกด้าน ควรมีการพัฒนาเตรียมรับการเติบโตของธุรกิจดังกล่าว เพราะแหล่งท่องเที่ยวที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงกลางคืนและมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเหมือนเชียงใหม่ ที่มีผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวออกมาใหม่ทุกปี โดยเฉพาะเพื่อรองรับชาวจีนที่คาดการณ์กันว่าจะเข้ามาในปีนี้มากถึง 5 ล้านคน
ส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลก็สามารถแสวงหารายได้ โดยการประสานกับภาคธุรกิจโรงแรมที่พักต่างๆ เนื่องจากจีนมีข้อกำหนดให้ชาวจีนที่จะกลับประเทศจะต้องมีผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR เป็นลบ จึงเป็นข้อบังคับที่นักท่องเที่ยวจีนจะต้องทำและความร่วมมือกันรองรับระหว่างภาคเอกชนก็จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับความสะดวกและเลี่ยงไม่พ้นที่จะใช้บริการอย่างแน่นอน ซึ่งยังไม่รวมถึงการรักษาพยาบาลต่างๆ หากเจ็บป่วย การฉีดวัคซีน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้นับ 10,000 ล้านบาท
ประธานกรรมการบริหารบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล กล่าวในตอนท้ายว่า ชาวจีนยังมีค่านิยมต้องการออกนอกประเทศเพื่อจะหาฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ประเภท mRNA เพราะในประเทศจีนส่วนใหญ่จะมีแต่วัคซีนเชื้อตาย จึงเป็นโอกาสดีที่ภาคเอกชนไทยจะรองรับตรงจุดนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรากำลังรอวัคซีนที่เป็นการผสม 2 สายพันธุ์ยี่ห้อโมเดอร์นา ซึ่งเป็นชนิดใหม่ที่กำลังจดทะเบียนเจ้าเดียวอย่างเป็นทางการจากสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะมาถึงไทยราวเดือน เม.ย. 2566 นี้ ซึ่งก็จะสามารถนำไปรองรับตรงนี้ได้