เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่สั่งเร่งตรวจสอบการดําเนินกิจการของมูลนิธิต่างๆ ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการเปลี่ยนแปลงวีซ่าการอยู่อาศัยให้แก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย หากพบกระทำผิดกฎหมาย ขัดศีลธรรม อาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ พร้อมร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกมูลนิธิทันที
จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ออกมากล่าวถึงขบวนการการเปลี่ยนแปลงวีซ่าให้แก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางรายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงวีซ่าให้แก่ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าว โดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้แก่อาสาสมัครชาวต่างชาติของมูลนิธิต่างๆ เข้ามาดําเนินกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธินั้นๆ ซึ่งในการนี้ได้มีการกล่าวอ้างถึงมูลนิธิที่มีสํานักงานใหญ่และสํานักงานสาขาอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ มูลนิธิรักภาษา (ปรานต์ฮั่นอวี่), มูลนิธิรักษ์ป่า, มูลนิธิคลีนเอิร์ธ และมูลนิธิเอทิ่งบาลานซ์
วันนี้ (10 ธ.ค. 65) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้อําเภอที่มีสํานักงานใหญ่หรือสํานักงานสาขาของมูลนิธิดังกล่าวตั้งอยู่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการดําเนินกิจการของมูลนิธิและกรรมการของมูลนิธิทุกราย ว่ามีการดําเนินกิจการของมูลนิธิอย่างถูกต้องหรือไม่ และประสานไปยังจังหวัดที่มีสํานักงานสาขาของมูลนิธิต่างๆ ตั้งอยู่ให้ช่วยตรวจสอบด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานขอข้อมูลจํานวนชาวต่างชาติที่แจ้งเปลี่ยนแปลงวีซ่าการอยู่อาศัยโดยใช้สิทธิการเป็นอาสาสมัครของแต่ละมูลนิธิ รวมถึงข้อมูลการแจ้งการเข้ามาเป็นอาสาสมัครชาวต่างชาติและข้อมูลการขึ้นทะเบียนของอาสาสมัครของชาวต่างชาติในมูลนิธิดังกล่าว ว่าในแต่ละมูลนิธิมีจํานวนเท่าใด ประกอบไปด้วยผู้ใดบ้าง
นอกจากนี้ ในส่วนของการร้องขอต่อศาลให้มีคําสั่งเลิกมูลนิธินั้น หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่ามูลนิธิใดดําเนินกิจการที่เป็นการกระทําการอันขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ หรือหยุดดําเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จะร้องขอต่อศาลให้มีคําสั่งให้เลิกมูลนิธิในทันที