ศูนย์ข่าวศรีราชา - ท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับศุลกากรแหลมฉบัง เร่งเปิดประตู 3 ระบายรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพื่อแก้ไขปัญหารถติดภายในท่าเรือ สร้างความพึงพอใจต่อผู้ประกอบการขนส่งที่ย่นระยะทาง และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
วันนี้ (1 ธ.ค.) เรือเอกกานต์ เมนะรุจิ รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง นายสุรเดช ตรงศิริวิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และนายธีรวิทย์ ต่างสี นายกสมาคมโลจิสติกส์อีอีซี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการเปิดประตู 3 ของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อระบายรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เปล่าออกจากท่าเรือแหลมฉบัง
เนื่องมาจากที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ในชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดภายในท่าเรือ และบนถนนสุขุมวิท นอกจากนี้ ยังมีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน ดังนั้นในวันนี้ท่าเรือแหลมฉบัง สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และผู้ประกอบการขนส่งได้ร่วมกันตัดสินใจเปิดประตู 3 ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อระบายรถเปล่าออกทางด้านหลัง ช่วยย่นระยะทางและประหยัดเชื้อเพลิง
เรือเอกกานต์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องรถติดบนถนนสุขุมวิท และในท่าเรือแหลมฉบังในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ในพื้นที่ตัวเมืองศรีราชา เนื่องจากมีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จำนวนมากใช้เส้นทางดังกล่าว จึงได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมวางแนวทางระบายรถ ที่ผ่านมา ทางสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ต้องมีการตรวจสอบและควบคุมรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ไม่ให้มีการกระทำความผิด จึงทำให้เสียเวลาในการตรวจสอบ จึงได้ตัดสินใจเปิดประตู 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ให้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เปล่าวิ่งออกไป เชื่อว่าจะทำให้ลดปัญหาการจราจรได้มาก
นายสุรเดช กล่าวว่า การดำเนินกานดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะลดปัญหาการจราจรได้อย่างแน่นอน ถือเป็นแนวทางในการช่วยระบายรถ และเป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย โดยขอระยะเวลาในการประเมินผลงาน 3 เดือน หากเปิดประตู 3 ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว และสามารถระบายรถได้เป็นอย่างดี และไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ อีก พร้อมจะให้ความร่วมมือดำเนินโครงการอื่นต่อไป
ขณะที่นายธีรวิทย์ กล่าวว่า การตัดสินใจเปิดประตู 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการระบายรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เปล่า วันละประมาณ 400-500 ใบ ไม่ให้ไปเส้นทางถนนสุขุมวิท ประกอบกับเส้นทางประตู 3 ใกล้ลานจอดรถตู้คอนเทนเนอร์ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตรเท่านั้น หากไปเส้นทางปกติจะใช้ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ทำให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย และเป็นเรื่องที่ดีทำให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ลดค่าใช้จ่าย ลดการเสียเวลา ลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตได้อีกด้วย
“ต้องขอบคุณท่าเรือแหลมฉบัง และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังที่มองเห็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าว โดยได้ร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวก และหวังว่าในอนาคตจะมีโครงการเปิดประตูอื่นตามมาอีกด้วย” นายธีรวิทย์ กล่าว
นายสาธิต พูนเสมอ ผู้ขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เปล่า กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ท่าเรือแหลมฉบังเปิดประตูดังกล่าวให้ ทำให้พวกตนประหยัดเวลาในการเดินทางและประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากที่ผ่านมาจะต้องขับไปออกได้เฉพาะประตู 1 เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเปิดประตู 3 แห่งนี้จะช่วยเหลือได้อย่างมาก