บุรีรัมย์ - แม่ชาวพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรมลูกชายวัย 15 นั่งเล่นมือถือหน้าเทศบาลฯ โดนวัยรุ่นอายุ 17 ปีไม่เคยรู้จักกันใช้ก้อนหินทุบตาแตกหวิดบอด อ้างไม่พอใจเพื่อนรุ่นพี่ของผู้บาดเจ็บโพสต์ด่า แม่เผยผ่านมา 1 เดือนคดีไม่คืบหน้า คู่กรณีไม่เยียวยา ต้องหยุดงานและยืมเงินพาลูกไปรักษาหมดหลายหมื่นทั้งต้องขอผ่อนจ่าย รพ. วอน ตร.ช่วยเร่งรัดคดี
วันนี้ (21 พ.ย.) นางละมัย บุญที อายุ 46 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเฉลิมชนม์ อายุ 15 ปี ลูกชาย ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากนายเฉลิมชนม์ ลูกชาย ถูกนายสุดเขต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ก้อนหินทุบบริเวณเบ้าตาด้านซ้าย จนจอประสาทตาฉีกขาด ตาดำเป็นรู และมีแผลฉีกขาดที่หนังตาซ้ายเย็บ 5 เข็ม เหตุเกิดเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 17 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุ
จนถึงขณะนี้เวลาผ่านมากว่า 1 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า คู่กรณียังไม่จ่ายเงินเยียวยาให้แค่เงินค่าเดินทางไปโรงพยาบาลเพียง 10,000 บาทเท่านั้น แต่แม่ต้องปิดร้านเสริมสวยขาดรายได้ ทั้งหยิบยืมเงินญาติพี่น้องและคนรู้จักเป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายในการพาลูกชายไปรักษาทั้งที่ รพ.บุรีรัมย์ และ รพ.รามาธิบดี รวมเกือบ 10 ครั้งหมดเงินไปแล้วหลายหมื่นบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีด้วย
จากการสอบถาม นายเฉลิมชนม์ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ช่วงค่ำวันเกิดเหตุ นายเดี่ยว อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊กได้ประมาณ 3 เดือน ส่งเฟซฯ มาชวนให้ออกไปเล่นด้วยที่สนามกีฬาหน้าเทศบาลตำบลพุทไธสง ตนจึงขี่รถไปรับนายฟิล์ม อายุ 17 ปี เพื่อนรุ่นพี่อีกคนไปด้วย พอไปถึงก็มีนายเดี่ยว นายเป๊ปซี่ อายุ 17 ปี นายฟิล์ม และตนเองรวม 4 คน โดยนายเดี่ยว และนายเป๊ปซี่นั่ง จยย.คนละคัน ส่วนนายฟิล์ม และตนเองนั่ง จยย.คันเดียวกัน
ก่อนเกิดเหตุนายสุดเขต ซึ่งเคยรู้จักกับนายเดี่ยว แต่ตนเองไม่เคยรู้จักได้ขี่รถ จยย.มาจอดเทียบรถตนเอง โดยนายเดี่ยว ก็ยกมือไหว้แล้วถามว่า “จะกลับแล้วเหรอพี่” แต่นายสุดเขตไม่ได้ตอบอะไรกลับเดินลงจากรถถือก้อนหินมาฟาดเข้าที่เบ้าตาตนเองอย่างแรง ซึ่งตอนนั้นตนนั่งเล่นมือถืออยู่ จนเลือดไหลเต็มเบ้าตา ด้วยความตกใจตนก็รีบลุกจาก จยย.เดินไปที่ร้านขายน้ำหน้าอาคารเทศบาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่มาออกกำลังกายในเทศบาล
หลังก่อเหตุนายสุดเขตก็ขี่รถหลบหนีไป จากนั้นนายฟิล์ม เพื่อนรุ่นพี่ขี่รถพาตนเองไปหาหมอที่ รพ.พุทไธสง ก่อนจะโทร. บอกแม่ แล้วถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.บุรีรัมย์ เพราะหมอบอกว่าจอประสาทตาฉีกขาด
นายเฉลิมชนม์ ผู้บาดเจ็บยืนยันว่า ตนไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุ แต่นายสุดเขตไปให้การต่อตำรวจอ้างว่าที่ก่อเหตุเพราะไม่พอใจที่นายเดี่ยวไปโพส์ตด่าในเฟซบุ๊ก ซึ่งตนเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ก็ยังงงว่าทำไมถึงมาทำร้ายตนเอง ถ้าไม่พอใจนายเดี่ยว ทำไมไม่ตีนายเดี่ยว ตอนนี้กังวลว่าตาจะมองไม่เห็นเหมือนปกติ
ด้าน นางละมัย แม่น้องเฉลิมชนม์ บอกว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้เรียกไปพูดคุยกัน ซึ่งตนเรียกค่ารักษาไปเบื้องต้น 100,000 บาท แต่หากต้องรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานานต้องดูแลตามความเป็นจริง แต่ผู้ปกครองคู่กรณีอ้างว่าจะจ่ายต่อเมื่อมีใบแพทย์ระบุค่ารักษาก่อน แต่ให้เงินมา 10,000 บาทเป็นค่าเดินทาง แต่ผ่านมากว่า 1 เดือน ตนต้องหยิบยืมเงินญาติและคนรู้จักเป็นค่าใช้จ่ายพาลูกไปรักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ และ รพ.รามาธิบดีหลายหมื่นบาทแล้ว ล่าสุดค่าผ่าตัดรักษาจอประสาทตาฉีกขาด และเปลี่ยนเลนส์ตาดำที่ รพ.รามาฯ กว่า 15,000 บาท ยังไม่มีเงินจ่ายต้องทำเรื่องขอผ่านจ่ายเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 2 ปีกว่า อีกทั้งต้องขาดรายได้เพราะต้องปิดร้านเสริมสวยพาลูกไปรักษา อยากให้ตำรวจเร่งรัดคดี และวอนคู่กรณีให้เห็นใจด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.พุทไธสง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย คู่กรณี และพยานแวดล้อมครบทุกปากแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาคนก่อเหตุแล้ว คือ “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ” ตอนนี้ยังรอเอกสารใบความเห็นจากแพทย์ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อประกอบสำนวนคดี และหากแพทย์ระบุว่าบาดเจ็บสาหัส จะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของผู้เสียหาย จะได้ทำเรื่องเร่งรัดไปยังทางโรงพยาบาล เพื่อขอใบความเห็นแพทย์มาประกอบสำนวน เพื่อจะได้สรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการต่อไป