นครสวรรค์ - แม่ค้าสาวเมืองปากน้ำโพ ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิด “ส.ต.ต.โด้” ปลอมยศนายตำรวจระดับสารวัตร หลอกให้เสียทรัพย์เลี้ยงดูอยู่กินด้วยเป็นปี พอท้องให้ทำแท้ง
ความคืบหน้ากรณี น.ส.ติ๊ก (นามสมมติ) แม่ค้าสาวนครสวรรค์ อายุ 43 ปี ถูก ส.ต.ต.โด้ ตีสนิทหลอกว่าเป็นตำรวจระดับสารวัตร ยศ พ.ต.ต.จนหลงเชื่อ ยอมอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสมานานกว่า 9 เดือน แต่สุดท้ายความจริงถูกเปิดเผย เมื่อตั้งท้อง กลับถูก ส.ต.ต.โด้ไม่รับผิดชอบเป็นพ่อของเด็ก แถมยังใช้เงินจำนวน 50,000 บาทให้ไปทำแท้ง
จนความแตก ฝ่ายหญิงตามสืบข้อมูลพบว่าคนที่หลงรักมานานเกือบปีเป็นนายสิบตำรวจ ไม่ได้เป็นสารวัตรตามที่มีการอวดอ้างแต่อย่างใด นำไปสู่การเปิดเผยเรื่องราวอันอื้อฉาวต่อสื่อมวลชนให้เป็นกระบอกเสียงช่วยตีแผ่เรื่องจริงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำตัวเป็นปลิงสูบเงินผู้หญิง ซึ่ง น.ส.ติ๊กระบุว่า เธอต้องนำรถยนต์ 2 คันไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อหาเงินมาให้ ส.ต.ต.โด้ ไว้ใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน เป็นจำนวนเงินเกือบ 1 แสนบาทเลยทีเดียว
ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ย. 65) น.ส.ติ๊กได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เอาผิดนายสิบตำรวจ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ใช้ยศตำแหน่งหลอกให้หลงเชื่อ จนตกหลุมพรางให้เสียทรัพย์ โดยมี พ.ต.ท.กันตินันท์ รุ่งฉัตร รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ รับเรื่องร้องทุกข์
จากนั้น น.ส.ติ๊ก ได้เดินทางไปร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ซึ่งมีการพูดคุยกันกว่า 30 นาที ก่อนจะออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าเรื่องที่ตนตั้งครรภ์กับ ส.ต.ต.โด้ ตนได้ไปเอาลูกออกจากท้องแล้ว หลังจากที่ ส.ต.ต.โด้ได้ให้เงิน 50,000 บาทไปทำแท้ง
เนื่องจากมองไม่เห็นหนทางอนาคต เพราะ ส.ต.ต.โด้บอกกับตนว่าจะไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูท่าเดียว และเขายังมีภาระรับผิดชอบอีกหลายอย่าง ประกอบกับตนเองก็ยังมีภาระรับผิดชอบในหลายๆ เรื่องด้วยเช่นกัน จึงได้ยอมรับเงินไปทำแท้งเพื่อเอาลูกออกก่อนจะมาไล่สืบสาวเพื่อเอาเรื่อง ส.ต.ต.โด้ ส่วนจะเอาอย่างไรต่อหลังจากนี้ ขอตนเองเดินทางไปออกรายการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับทีวีช่องหนึ่งก่อนจะมีการเดินเรื่องต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลทั้งหมดจาก น.ส.ติ๊กแล้ว และจากการตรวจสอบไม่พบว่า ส.ต.ต.รายนี้อยู่ในสังกัด ภ.จว.นครสวรรค์ เพียงแต่อยู่และมีบ้านพักอาศัยอยู่ในเขตเมืองนครสวรรค์เท่านั้น ซึ่งในเรื่องวินัยก็ต้องให้เจ้าตัวไปดำเนินการร้องเรียนยังต้นสังกัดของ ส.ต.ต. ส่วนคดีอาญาได้มอบหมายให้ทาง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์รับเรื่องไปดำเนินการต่อ
“ยืนยันว่าเรื่องนี้ทางตำรวจมี พ.ร.บ.ของหน่วยงานในการเอาผิดทั้งทางวินัย และอาญา หากมีความผิดจริงได้อยู่แล้ว”