บุรีรัมย์ - สัปเหร่อวัดดังบุรีรัมย์วอนขอความเป็นธรรมถูกเจ้าภาพแจ้งความเอาผิดพร้อมลูกชาย ฉกเงินเชิงบาตรงานศพ 5,890 บาท พอรู้ลูกชายเป็นคนหยิบไปรีบเอามาคืนต่อหน้า ตร. แต่เจ้าภาพกลับไม่ยอมถอนแจ้งความตามที่รับปาก อีกฝ่ายยันสัปเหร่อเป็นคนท้าให้แจ้งความเอง แถมลูกชายที่อ้างเป็นคนเอาเงินไปไม่ยอมมาขอโทษแต่ให้พ่อแม่มารับหน้าแทน
วันนี้ (18 พ.ย.) นายชูเดช นวลศรี หรือลุงน้อย อายุ 57 ปี สัปเหร่อวัดใหม่เรไรทอง ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกเจ้าภาพที่มาจัดงานฌาปนกิจศพให้กับญาติที่เสียชีวิต แจ้งความเอาผิดสัปเหร่อและลูกชายฐาน “ลักทรัพย์” หลังเงินในเชิงบาตรที่ญาติใส่ไว้ตอนจัดงานศพหายไป 5,890 บาท ซึ่งนายชูเดช สัปเหร่อ ยืนยันว่าไม่ได้เอาไป แต่พอมารู้ทีหลังว่าลูกชายซึ่งไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสัปเหร่อด้วยเป็นคนหยิบไป พอสัปเหร่อทราบก็รีบเอาเงินกับลูกชายไปคืนให้กับเจ้าภาพทันทีต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพัก โดยเจ้าภาพรับปากว่าถ้าเอาเงินมาคืนแล้วจะถอนแจ้งความ แต่พอตนเอาเงินไปคืนให้เจ้าภาพกลับไม่ยอมถอนแจ้งความตามที่รับปากไว้
นายชูเดช หรือลุงน้อย สัปเหร่อ ที่ออกมาขอความเป็นธรรม เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดงานฌาปนกิจศพผู้วายชนม์รายหนึ่งที่วัด ตนก็ไปทำหน้าที่สัปเหร่อตามปกติ โดยมี นายวิช อายุ 29 ปี ลูกชายของตนเองไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสัปเหร่อด้วย ซึ่งทำพิธีฌาปนกิจศพตามปกติ แต่พอทำพิธีฌาปนกิจศพเสร็จช่วงเย็น เจ้าภาพไปแจ้งความว่าเงินที่ใส่ไว้ในเชิงบาตรจำนวน 5,890 บาทหายไป ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป แต่เจ้าภาพบอกว่ามีคนเอาไปและถ้าเอามาคืนจะไม่เอาเรื่อง
ตนจึงไปตามหาลูกชายลองสอบถามว่าได้เอาเงินในเชิงบาตรไปหรือไม่ ลูกชายยอมรับว่าเป็นคนหยิบเงินในเชิงบาตรที่เก็บไว้กับเสื้อผ้าของคนตายไปจริง พอตนทราบก็รู้สึกไม่สบายใจจึงรีบเอาเงินที่ลูกชายหยิบไปติดต่อส่งมอบคืนให้กับเจ้าภาพ โดยได้ส่งมอบต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง แต่เจ้าภาพกลับไม่ยอมถอนแจ้งความตามที่รับปากไว้
โดยเขาให้เหตุผลว่าลูกชายของตนเองที่บอกว่าเป็นคนหยิบเงินไปไม่ได้เอาเงินไปคืนเองและไม่ได้ไปขอโทษด้วยตัวเอง จึงไม่ยอมถอนแจ้งความให้ซึ่งตนก็บอกลูกแล้วแต่ลูกเป็นคนไม่ค่อยพูดและอาจจะรู้สึกอายจึงไม่กล้าไป แต่เขาบอกว่าไม่ได้เจตนาจะขโมยเห็นว่าเป็นเงินที่อยู่ปนกับเสื้อผ้าของคนเสียชีวิตจึงหยิบเอาไป อยากจะขอความเห็นใจจากทางเจ้าภาพด้วย เพราะตนเป็นสัปเหร่อมา 37 ปี ไม่เคยทำอะไรเสียหาย
ด้าน นางแสวง นวลศรี อายุ 60 ปี ภรรยาของลุงน้อย บอกว่า สามีเป็นสัปเหร่อมากว่า 30 ปีไม่เคยเอาเงินหรือทรัพย์ของเจ้าภาพแม้แต่ครั้งเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกชายก็ยอมรับว่าเป็นคนหยิบเอาไปแต่ไม่ได้มีเจตนาจะลักขโมย อาจจะคิดว่าเป็นของคนตายจึงหยิบเอาไป แต่ได้ยอมรับและเอาเงินไปคืนแล้ว ก็อยากขอความเห็นใจเจ้าภาพด้วย เพราะตนเองมีลูกชายคนเดียวและไม่รู้ว่าเขาจะเอาผิดทั้งสามีด้วยหรือไม่ อยากจะขอความเห็นใจด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม พระเจิมศักดิ์ ประสงค์ทรัพย์ หลวงพ่อวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้ตาย ก็ยืนยันว่า ตอนแรกทางครอบครัวลูกหลานคนตาย ไม่ได้อยากแจ้งความเอาผิด แต่ทางสัปเหร่อเป็นคนท้าให้แจ้งความเองโดยเขายืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไป แต่สุดท้ายมายอมรับว่าลูกชายเป็นคนเอาไป และวันที่ 16 พ.ย.นัดเอาเงินมาส่งคืนให้ครอบครัวคนตาย แต่ลูกชายที่บอกว่าเป็นคนเอาเงินไปไม่ได้มาด้วยให้พ่อแม่มารับหน้าแทน ส่วนเจ้าตัวไม่เคยมาขอโทษเลย ทำให้เจ้าภาพรู้สึกไม่พอใจ
สำหรับสิ่งของหรือเงินในเชิงบาตรที่ใช้ในงานศพ เมื่อเสร็จพิธีพระสงฆ์ไปพิจารณาผ้าบังสุกุลแล้ว สิ่งของทั้งหมดนั้นก็จะเป็นของสงฆ์ ส่วนญาติจะไถ่หรือขอเอาทรัพย์สินใดในเชิงบาตรไปก็ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพ สัปเหร่อไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไป ส่วนเรื่องคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ