สุรินทร์ - ชาวนาเมืองช้างหันมาชวนเพื่อนบ้านญาติพี่น้องร่วมกันลงแขกเกี่ยวข้าวตามวิถีชนบทดั้งเดิมเพื่อลดต้นทุนการผลิต หลังปีนี้ค่าปุ๋ย ค่ารถไถ และรถเกี่ยวข้าวขึ้นราคาตามน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ารถเกี่ยวข้าวพุ่งไร่ละ 700 บาท เผยแม้ราคาข้าวปีนี้สูงขึ้น แต่เมื่อหักลบต้นทุนแล้วชาวนายังขาดทุน
วันนี้ (14 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิกันแล้ว โดยส่วนใหญ่ได้จ้างรถเกี่ยวข้าวมาเก็บเกี่ยวข้าวในแปลงนา ราคา 650-700 บาทต่อไร่ ก่อนนำข้าวเปลือกไปขายให้กับโรงสีข้าวที่รับซื้อในราคาข้าวเปลือกสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท หรือตันละ 12,000 บาท ซึ่งปีนี้ชาวนานิยมขายข้าวเปลือกสดมากกว่าตากแห้ง เพราะราคาข้าวเปลือกสดค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาและไม่ต้องเสียเวลาในการตากแดดหลายวัน ซึ่งถึงแม้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้จะสูง แต่เมื่อหักลบต้นทุนการทำนา ค่าปัจจัยการผลิตที่แพงขึ้นแล้ว ยังถือว่าราคายังอยู่ในเกณฑ์ต่ำเกษตรกรได้กำไรน้อย
อย่างไรก็ตาม พบว่าชาวนาที่บ้านสมบูรณ์ ม.6 ต.ชุมแสง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ได้ใช้วิธีลดต้นทุนการทำนาโดยการพากันชวนญาติพี่น้อง รวมกว่า 10 คนมาร่วมแรงกันลงแขกเกี่ยวข้าวตามแบบประเพณีวิถีชนบทดั้งเดิม ซึ่งทุกวันนี้นับว่าหาดูได้ยาก และพอถึงช่วงพักเที่ยงเจ้าภาพที่เป็นเจ้าของนาจะทำกับข้าวมาเลี้ยงคนที่มาช่วยกันเกี่ยวข้าว โดยปูเสื่อกินข้าวปลาอาหารกันตามใต้ร่มไม้ ซึ่งการลงแขกเกี่ยวข้าวสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ไม่น้อย เพราะทั้งค่ารถไถนา ค่าปุ๋ยและค่ารถเกี่ยว ที่ปีนี้ได้ปรับขึ้นราคาตามน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางจริยา ดาทอง เจ้าของนา บอกว่า วันนี้ได้ชวนเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง มาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวที่นาตน เพื่อลดต้นทุนในการเก็บเกี่ยวผลผลิตของปีนี้ เพราะค่ารถเกี่ยวข้าวปรับราคาแพงขึ้นเป็นไร่ละ 700 บาท จากปีที่แล้วอยู่ที่ 550-600 บาท และการเกี่ยวข้าวด้วยมือแบบนี้ไม่ทำให้เมล็ดข้าวร่วงเสียหายด้วย โดยนาตนมี 10 กว่าไร่เป็นข้าวหอมมะลิทั้งหมด ส่วนราคาข้าวเปลือกสดปีนี้อยู่ที่ กก.ละ 12 บาท ยังถือว่าต่ำเพราะแม้ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ กก.ละ 7-8 บาท แต่ค่ารถไถนา ค่ารถเกี่ยวและค่าปุ๋ยไม่ได้แพงขนาดนี้ ปีนี้ราคาปุ๋ยกระสอบละพันกว่าบาทและค่าปัจจัยการผลิตต่างๆ ราคาแพงขึ้นหมด
“ผู้มาลงแขกส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกัน พอพักเที่ยงก็ทำกับข้าวปูเสื่อเลี้ยงกินกันตามใต้ต้นไม้ มีความสุข และสนุกสนานเฮฮาตามประสาพี่น้อง เป็นวิถีชีวิตแบบชนบท ซึ่งทุกวันนี้หาโอกาสแบบนี้ได้ยากมาก เพราะส่วนใหญ่จะใช้รถเกี่ยวข้าวกันหมดแล้ว” นางจริยา กล่าว
