พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ครั้งที่ 17 ที่ประเทศกัมพูชา ว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี ทางกัมพูชามีการเตรียมการและจัดการประชุมได้เป็นที่พอใจของผู้ที่มาประชุมทุกท่าน โดยมีการประชุมทั้งหมด 16 วาระ ซึ่งได้มีการแสดงความคิดเห็นกันในที่ประชุมอย่างเต็มที่
ในส่วนของการประชุมกับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สิ่งที่ตนจับประเด็นได้ก็คือ เขามีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสของอาเซียน โดยเฉพาะในเรื่องของการเกษตร เพราะต่างประเทศมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อและเรื่องสงคราม เขาบอกว่า ปี 2565 และปี 2566 เป็นโอกาสที่ดีของอาเซียนในเรื่องการเกษตรที่ยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่เท่ากับเขา สิ่งที่เรากังวลคือจะทำเรื่องนี้อย่างไรในการเตรียมการเกษตรเรื่องอาหาร เรื่องการเกษตร และมีปัญหาอย่างเดียว คือ เรื่องปุ๋ย และเรื่องต้นทุนการผลิต ซึ่งเราจะต้องกลับมาคุยกัน ทุกประเทศที่ไปร่วมประชุมมีปัญหาเรื่องปุ๋ยแพงเหมือนกันหมด ซึ่งในปีหน้าปัญหาเรื่องอาหารจะหนักกันทั้งหมด แต่เรายังมีอาหารการกิน ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องเป็นแหล่งอาหารของโลกให้ได้ ฉะนั้นต้องมาดูว่าจะเดินกันอย่างไร เพราะเราพร้อมในเรื่องสถานที่ปลูก แต่ปัญหาคือต้นทุนแพงขึ้น เหล่านี้คือการรับฟังข้อมูลมา เพื่อที่จะนำไปแก้ไข อย่าเอาเวลาไปว่ากันไปกันมาไม่ได้ประโยชน์
ส่วนในเรื่องของบรรยากาศสันติภาพจะทำอย่างไรให้เราอยู่ร่วมกัน อะไรมีปัญหาก็ต้องพูดคุยกัน หาวิธีแก้ปัญหา ดีกว่าขัดแย้งกัน จึงต้องใช้หลักการของอาเซียนอยู่แล้ว
วันนี้ สิ่งสำคัญที่มีการตั้งประเด็นจากการประชุมที่กัมพูชา คือการรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั้งเรื่องความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ของโลก สงคราม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เหล่านี้เราจะรับมือกันอย่างไร ทุกประเทศก็เตรียมพร้อมรับมือเรื่องตรงนี้ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากจะบอกว่าไม่มีเลย ไม่เดือดร้อนเลย ก็คงจะทำไม่ได้ ปกติเราก็มีปัญหามากอยู่บ้างพอสมควรแล้ว พอมาเจออันนี้เข้าไปก็หนักขึ้นมาหน่อย ขอให้ช่วยกัน ช่วยตนบ้างว่าจะต้องทำอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เราได้เตรียมที่จะเชิญนานาชาติประชุมความมั่นคงด้านอาหารในต้นปีหน้าที่ประเทศไทย และก็จะเชิญสมาชิกอาเซียนมาด้วย