อุดรธานี - สอบเพิ่ม “เสี่ย ป.” จอมหื่นนานกว่าชั่วโมง แต่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มนอกจากเคยแจ้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเท่านั้น ขณะที่ตัวเด็กหญิงหนึ่งในผู้เสียหายอยู่ในความดูแลของ พม.จังหวัด จากคาดบ่ายนี้ผู้ต้องหาน่าจะได้รับอนุญาตประกันตัวในชั้นศาล
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานีเข้าค้นบ้านของเสี่ย “ป.” หรือนายปิติ วณิชวรนันท์ อายุ 55 ปี เสี่ยเมืองอุดรธานี ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลังถูกร้องเรียนว่าเปิดบ้านเป็นฮาเร็ม โดยตำรวจได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นครอบครองสื่อลามกอนาจารตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (28 ต.ค.) พ.ต.ท.สิงหราช แก้วเกิดมี รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้นำตัวนายปิติมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีทนายความมาร่วมรับฟัง ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงนำตัวออกมาเข้าห้องขังก่อนนำตัวฝากขัง
พ.ต.ท.สิงหราช แก้วเกิดมี รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากสอบปากคำพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอะไร จากการตรวจสอบอาวุธปืน ผู้ต้องหามีใบอนุญาตครอบครองอย่างถูกต้อง และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนคำให้การให้ข้อมูลเป็นประโยชน์หรือไม่ ไม่ขอตอบ จากนี้ก็จะนำผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัด โดยคาดว่าผู้ต้องหาจะขอยื่นประกันตัวในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีความกับ พ.ต.อ.จามร อันดี ผู้กำกับการ สภ.เมืองอุดรธานี ทางผู้กำกับการไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ซึ่งผู้กำกับการอ้างว่าให้ข้อมูลแก่สื่อบางสื่อไปแล้วให้ไปถามกันเอาเอง
ด้านนายประนอม อุทรักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ทางพัฒนาสังคมฯ จังหวัดได้ส่งทีมนักสังคม สงเคราะห์ และนักจิตวิทยาเข้าไปร่วมในการสอบคัดแยกเด็ก ขณะนี้เด็กอยู่ในความปลอดภัยแล้ว เบื้องต้นเมื่อวานได้นำไปสอบปากคำต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าใครเป็นผู้เสียหายบ้าง ซึ่งผลการสอบปากคำนั้นขณะนี้อยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังสอบปากคำเสร็จเราได้พาเด็กไปตรวจร่างกาย จากนั้นพาเด็กไปอยู่ในที่ปลอดภัยโดยความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่แล้ว ในช่วงสายของวันนี้จะพาเด็กไปสอบปากคำในชั้นอัยการต่อไป
ในส่วนเรื่องครอบครัวของเด็กนั้นเราได้เชิญผู้ปกครองมาร่วมรับทราบเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจให้กับตัวผู้ปกครองและเด็ก เพื่อที่จะได้ร่วมกันวางแผนหาแนวทางป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคตต่อไป สำหรับมาตรการป้องกันที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นเราจะเน้นไปในเรื่องของการสร้างความรักระหว่างครอบครัวของเด็ก
หลังจากนี้ไปทีมนักสังคมสงเคราะห์จะลงไปประเมินสภาพครอบครัวของเด็กแต่ละคนเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวางแผนกับครอบครัวป้องกันไม่ให้เด็กกลับไปประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมอย่างที่เคยปฏิบัติมา
