xs
xsm
sm
md
lg

กรมชลฯ เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ความจุถึงระดับเก็บกักสูงสุดต้องเพิ่มการระบายน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลพบุรี - กรมชลประทานแจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น น้ำในเขื่อนมีแนวโน้มที่จะเกินความจุที่ระดับเก็บกักสูงสุด จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ มีผลตั้งแต่วันนี้ 1 ต.ค.

กรมชลประทาน แจ้งเตือนพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังได้รับอิทธิพลจากพายุ “โนรู” ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2565 ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกเป็นบริเวณกว้างเกือบตลอดช่วง กับมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลหลากลงสู่เขื่อนป่าสักฯ มากขึ้น ใกล้เต็มความจุอ่าง
        
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากอิทธิพลจากพายุ “โนรู” ที่เคลื่อนผ่านเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกเป็นบริเวณกว้างเกือบตลอดช่วง กับมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่อำเภอหล่มสัก อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อเนื่องลงมาถึงอำเภอลำสนธิ อำเภอชัยบาดาล อำเภอท่าหลวง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ปริมาณน้ำเกินความจุล้นสปีลเวย์ ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชนชน และไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักในปริมาณมาก  

กรมชลประทานได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝน ตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) จะมีปริมาณน้ำท่าไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. ถึง 6 ต.ค . รวมประมาณ 824 ล้านลูกบาศก์เมตร และวันที่ 7 ต.ค. คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีจำนวน 1,139 ล้านลูกบาศก์เมตร มีแนวโน้มที่จะเกินความจุที่ระดับเก็บกักสูงสุด เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม กรมชลประทานจึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป    
       
ซึ่งเมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสักแล้ว จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในอัตราไม่เกิน 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.20-1.50 เมตร และจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ  0.25-0.50 เมตร         

ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลประกอบการแจ้งเตือนในเบื้องต้นให้บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสัก เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น