xs
xsm
sm
md
lg

นครปฐมเรียกประชุมทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านกรณีสารเคมีรั่วไหล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - จังหวัดนครปฐมเรียกประชุมทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมชี้แจงสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำข้อมูลสู่ชาวบ้าน เพื่อสร้างความมั่นใจกรณีโรงงานสารเคมีรั่วไหล

วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม นายยงยุทธ สวนทอง ปลัดจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครปฐม ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม นายอำเภอนครชัยศรี สามพราน และพุทธมณฑล

ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี สามพราน และพุทธมณฑล เพื่อนำข้อมูลไปถ่ายทอดสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง จากกรณีเกิดเหตุน้ำมันในระบบทำความความร้อนรั่วไหล ของบริษัทอินโดรามาโพลีเอสเตอร์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดไอระเหยและส่งกลิ่นเหม็น กระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ในพื้นที่ 3 อำเภอดังกล่าว ไปจนถึงบางพื้นที่ในจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร


โดยในที่ประชุมได้มีการสรุปประเด็นจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เกิดการชำรุดรั่วไหลที่หม้อต้มน้ำมันร้อน (Hotoil Boiler) เป็นสารเคมีกลุ่มอะโรมาติกเบนซีน ชนิดไบฟินิลและไดฟินิลออกไซด์ มีคุณสมบัติน้ำหนักเบา จึงลอยไปได้ไกลจากจุดเกิดเหตุ ส่งผลกระทบเมื่อสัมผัส จะทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ได้รายงานประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้ารับบริการตรวจรักษาตามอาการ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. รวมทั้งสิ้น 17 คน ได้แก่ พื้นที่อำเภอนครชัยศรี 5 คน อำเภอพุทธมณฑล 9 คน และอำเภอสามพราน 3 คน หลังจากการตรวจรักษาไม่พบอาการรุนแรง สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ทั้งนี้ ได้เฝ้าสังเกตและติดตามอาการจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ ไม่พบอาการผิดปกติแต่อย่างใด


ในส่วนของจังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาวิธีการป้องกันและหาแนวทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบภายใน 15 วัน อีกทั้งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม ได้มีคำสั่งตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการโรงงานบางส่วน (ส่วนหม้อต้มน้ำมันร้อนที่ชำรุด) จนกว่าจะปรับปรุงให้แล้วเสร็จพร้อมทั้งมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมก่อนเปิดใช้งาน นอกจากนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ความเข้มของสารระเหยเบนซีน จำนวน 11 จุด ผลการตรวจวัดไม่เกินค่ามาตรฐาน ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายเบนซีน สำหรับการสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาที พบค่าเบนซีนไม่เกิน 5 ppm


ขณะที่นายสำรวย เข็มทองหลาง อุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม มีหนังสือแจ้งบริษัทที่เกิดเหตุโดย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 อุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม ผู้ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมาย จึงมีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการโรงงานบางส่วน (หม้อต้มน้ำมันร้อนที่ชำรุด) และปรับปรุงแก้ไขเครื่องจักรให้เป็นปกติก่อนประกอบกิจการ โดยมีคำรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม

ทั้งนี้ ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2565 และเมื่อได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโรงงานแล้วเสร็จ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป


น.ส.มาลากาลัญ ห่อประทุม ประกันสังคมจังหวัดนครปฐม เผยว่า พนักงานของโรงงานที่ได้รับผลกระทบจะได้รับสิทธิในการรักษาและเยียวยา เป็นไปตามข้อกำหนดลูกจ้างของบริษัทฯ เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน และผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ตามกฎหมายโดยรอการประสานงานเพื่อตรวจสอบสรุปในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ สำหรับผลกระทบที่ประชาชนมีความกังวลในเรื่องของสารก่อมะเร็งจากไอระเหยของน้ำมันที่รั่วไหล นางจันทนา ภาคย์ทองสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 กล่าวว่า สารเคมีกลุ่มอะโรมาติกเบนซีน ชนิดไบฟินิลและไดฟินิลออกไซด์ เป็นสารที่มีกลิ่น ก่อให้เกิดความระคายเคือง เช่น แสบตา โพรงจมูก และระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก และผู้สูงอายุอาจได้รับผลกระทบมากกว่าปกติ แต่ไม่ใช่สารก่อมะเร็งแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการ เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ได้จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว พร้อมเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศ ออกปฏิบัติหน้าที่บริเวณที่ได้รับผลกระทบ หากประชาชนพบกลิ่นสารเคมีรั่วไหล สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-2369-5198, 08-1195-5747 และ 09-4558-2884 เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น