กาญจนบุรี - สุดสลด! เจ้าหน้าที่ EMS เทศบาล ตามง้อคืนดีแต่ภรรยาไม่ยอม ใช้ .38 จ่อยิงหัวอดีตภรรยา ก่อนจ่อขมับตัวเองตายตาม พบมีลูกด้วยกัน 2 คน อายุแค่ 2-4 ขวบ คาดปมหึงหวง
วันนี้ (22 ก.ย.) พ.ต.ท.ประชา นาคราช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ห้วยกระเจา ว่า เกิดเหตุสามีใช้อาวุธยิงอดีตภรรยาเสียชีวิต ก่อนจะยิงตัวเองตายตาม เหตุเกิดภายในร้านเสริมสวย ท้องที่หมู่ 11 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา
หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณภัทร์มงคล เหลืองกุลวัฒน์ ผกก.สภ.ห้วยกระเจ้า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยกระเจา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี
ในที่เกิดเหตุเป็นห้องกระจกดัดแปลงเป็นร้านเสริมสวยประเภทแต่งเล็บ ทำผม จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายนั่งพิงอยู่บนโซฟา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 เข้าที่ขมับซ้ายกระสุนทะลุขมับขวาไปโดนกระจกหน้าร้านจนแตก การแต่งกายนุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีส้ม
โดยที่มือซ้ายของผู้เสียชีวิตยังคงกำอาวุธปืนเอาไว้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายต็อบ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉิน (EMS) เทศบาลตำบลแห่งหนึ่งในท้องที่ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงอีก 1 ราย ลักษณะสภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่กับพื้นติดกับโซฟา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 เข้าที่เหนือหูขวากระสุนทะลุซ้ายไปโดนฝ้า การแต่งกายนุ่งกางเกงขายาวสีเทา สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมลายขวาง ทราบชื่อคือ น.ส.แหม่ม (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย ชาว ต.หนองประดู่ อ.เลาขวัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการชันสูตรพลิกศพประมาณกว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้งสองไปพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช ศูนย์ รพ.ราชบุรี ท่ามกลางความเสียใจของญาติผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตเคยอยู่กินฉันสามีภรรยากันมาก่อน และมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นหญิงอายุประมาณ 4 ขวบ คนเล็กเป็นชาย อายุ ประมาณ 2 ขวบ แต่ทั้งสองได้เลิกรากันไป ต่อมา น.ส.แหม่ม มาเช่าห้องเปิดร้านเสริมสวย ได้ประมาณเกือบ 2 เดือนแล้ว
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ประชา นาคราช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ห้วยกระเจา เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งสองเป็นอดีตสามีภรรยาแต่ได้เลิกรากันไปแล้ว ส่วนแรงจูงใจคาดว่าอาจจะเกิดจากความหึงหวง หรือฝ่ายชายกลับมาของ้อคืนดีแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม ทำให้ฝ่ายชายเกิดความโมโหจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อนจึงจะสามารถทราบสาเหตุที่แท้จริงได้