วิสามัญ “ไอ้แดง ห้วยกรด” หลังยิงปืนเพื่อเปิดทางหนี

กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ “ไอ้แดง ห้วยกรด” พ่อค้ายาบ้า ชัก 7.65 ยิงเปิดทางหนี ก่อนโดน ตร.ยิงสวนคมกระสุนเจาะต้นขาตัดเส้นเลือดใหญ่ดับ ยึดยาบ้า 1 หมื่นเม็ด พร้อมอาวุธปืน ประวัติเพิ่งพ้นโทษ 2 ปี ส่วนลูกอีก 2 คน ยังอยู่ในเรือนจำ

กลางดึกวันที่ 20 ก.ย. พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ ปานศรี รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาราชการเเทน ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.วงศ์วริศ ครูทอง รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.เสนาะ อยู่ฉิม รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ต.สุรัตน์ ว่องมหาชัยกุล สว.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกับ พ.ต.อ.อำนาจ เอี่ยมใจดี ผกก.สภ.พนมทวน

พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พนมทวน ร่วมวางแผนล่อซื้อยาเสพติดประเภทยาบ้า จากนายกิตติทัศน์ ทองนุ่ม หรือแดง ห้วยกรด พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดยมีการนัดหมายส่งยาบ้า จำนวน 5 มัด หรือประมาณ 10,000 เม็ด ในเวลาประมาณ 20.00 น.ที่บ้านเลขที่ 311 บ้านห้วยกรด หมู่ 10 ต.รางหวาย อ.พนมทวน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านส่วนตัวของนายกิตติทัศน์ หรือแดง ห้วยกรด โดยบ้านของนายกิตติทัศน์ นั้นอยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 200 เมตร และเป็นซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว

เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ได้ส่งสายเข้าไปรับมอบยาบ้าตามที่นัดเอาไว้ แต่อยู่ๆ ปรากฏว่า นายกิตติทัศน์ หรือแดง ห้วยกรด เกิดไหวตัวทัน แล้วใช้อาวุธปืนขนาด 7.65 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหนี เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องตัดสินใจยิงสวนใส่ที่ต่ำเพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี แต่ปรากฏว่าคมกระสุนของเจ้าหน้าที่เจาะเข้าที่บริเวณต้นขาด้านขวา ทำให้นายกิตติทัศน์ ไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นที่เป็นถนนลูกรังห่างจากตัวบ้านไปประมาณ 20 เมตร ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบว่านายกิตติทัศน์ ยังไม่เสียชีวิต จึงรีบนำตัวส่งไปรักษาเป็นการเร่งด่วนที่โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์พนมทวน แต่นายกิตติทัศน์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากกระสุนได้ตัดเส้นเลือดใหญ่ทำให้เสียเลือดมาก

โดยจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบยาบ้าที่ถูกล่อซื้อตกอยู่กับพื้นรวม 5 มัด หรือประมาณ 10,000 เม็ด อาวุธปืนพกสั้นขนาด 7.65 จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจกาญจนบุรี จึงรวบรวมเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปพิสูจน์อย่างละเอียดว่าอาวุธปืนและปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุเป็นของฝ่ายใด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการวิสามัญ เจ้าหน้าที่จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบสวน ส่วนศพของผู้เสียชีวิตจะนำไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ

ทั้งนี้ นางเสมอ ทองนุ่ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านห้วยกรด กล่าวว่า ปัจจุบันผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว ส่วนน้องสาวอยู่กันคนละบ้าน ผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี และคอยช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากรู้ตนจะมาว่ากล่าวตักเตือนและขอให้ไปประกอบอาชีพอื่นที่สุจริต

ด้านนายเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นอดีตน้าเขยของตน แต่ได้เลิกรากับน้าสาวของตนไปนานแล้ว โดยน้าเขยมีอาชีพเลี้ยงแกะและแพะอยู่ที่บ้าน ส่วนลูกชายที่มีอยู่ด้วยกัน 2 คน ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี คนแรกถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาบ้า คนที่ 2 ถูกดำเนินคดีในห้อหาจำหน่าย แต่ส่วนตัวไม่ได้พบกับน้าเขยมานานแล้ว แต่เมื่อได้ข่าวว่าถูกวิสามัญ ตนจึงเดินทางมาดู

ด้าน พ.ต.อ.อำนาจ เอี่ยมใจดี ผกก.สภ.พนมทวน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พนมทวนได้สืบทราบว่านายกิตติทัศน์ ทองนุ่ม หรือแดง ห้วยกรด มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการล่อซื้อ ระหว่างนัดส่งยาบ้าผู้ต้องหาเกิดไหวตัวทันแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหนี เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงสวนเพื่อป้องกันตัว เป็นเหตุทำให้นายกิตติทัศน์ เสียชีวิตดังกล่าว แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ของเราไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากประวัติของนายกิตติทัศน์ หรือแดง ห้วยกรด พบว่า เคยถูกดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำมาได้ประมาณ 2 ปี สำหรับอาวุธปืนที่ผู้เสียชีวิตใช้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นยี่ห้อและขนาดอะไร ขอให้รอรายละเอียดที่แน่ชัดจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบบ้านพักของนายกิตติทัศน์ พบว่า มีการเลี้ยงแพะและแกะเอาไว้ภายในบริเวณบ้าน นอกจากนี้ยังพบรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์จอดอยู่ภายในบ้าน รวม 4 คัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ใช้มาตรการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดต่อไป โดยในวันนี้ นายวันชัย ศรีวงษ์ญาติดี นายอำเภอพนมทวน ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย